เมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว กลุ่มผู้ปกครองเมืองสกลนครในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้กีดกันการนับถือศาสนาคริสต์ ทำให้กลุ่มชาวคริสตังร่วมกันต่อเรือและแพไม้ไผ่ขนาดใหญ่อพยพออกจากตัวเมืองสกลนคร และอธิษฐานเทวดามีคาแอลขอให้พบแผ่นดินที่เหมาะแก่การเผยแผ่คริสต์ศาสนา กระทั่งกระแสลมพัดแพมาขึ้นยังอีกฝั่งของทะเลสาบหนองหารและได้ตั้งชุมชนใหม่ขึ้นเรียกว่า “ท่าแร่” ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นชุมชนคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นอกจากความสำคัญดังกล่าวแล้ว บ้านท่าแร่ยังมีผังเมืองเป็นตารางหมากรุก และมีบ้านเรือนสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกที่สวยงามเรียงรายอยู่สองข้างทางในหมู่บ้าน และเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายการท่องเที่ยวของสกลนครที่พลาดไม่ได้
1
อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล
อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล
ท่าแร่ อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่ เป็นโบสถ์ขนาดใหญ่รูปทรงคล้ายเรือ เพื่อระลึกถึงการใช้เรือและแพในการอพยพจากตัวเมืองสกลนครมาตั้งถิ่นฐานใหม่ยังบ้านท่าแร่ ปัจจุบันนับเป็นหมู่บ้านที่มีจำนวนผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกมากที่สุดในประเทศไทย มีจุดที่น่าสนใจภายใน ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ที่เล่าเรื่องราวความเป็นมาของชุมชนคาทอลิกท่าแร่ พระรูปแกะสลักหินอ่อนอัครเทวดามีคาแอลจากประเทศอิตาลี ระฆังที่หล่อขึ้นในประเทศฝรั่งเศสซึ่ง่มีอายุกว่า 100 ปี รวมถึงอนุสาวรีย์บาทหลวงกอมบูริเออ เจ้าอาวาสองค์แรกของอาสนวิหาร
หมายเหตุ: แต่งกายสุภาพ กางเกงหรือกระโปรงคลุมเข่า
เวลาเปิดปิด: 06.00-18.00 น.
โทรศัพท์: 042 751 090
2
ร้านข้าวเปียกโบราณฟรานซิสโก
ร้านข้าวเปียกโบราณฟรานซิสโก
ชุมชนบ้านท่าแร่ มีอาคารโบราณ สถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียลหลายหลัง แต่ถ้าเดินออกมาจากด้านหลังของอาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล จะพบกับร้านข้าวเปียกโบราณฟรานซิสโกเป็นหลังแรก โดยมีลักษณะเด่นอยู่ที่ลวดลายปูนปั้นที่นิยมระบุชื่อนักบุญที่เจ้าของบ้านนับถือ ซึ่งสำหรับบ้านหลังนี้ปรากฏชื่อนักบุญฟรานซิสโก-เซเวียร์ บาทหลวงผู้นำศาสนาคริสต์มาเผยแผ่ในเอเชีย อันเป็นที่มาของชื่อบ้าน ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเมืองซานฟรานซิสโกในแคลิฟอร์เนียแต่อย่างใด ปัจจุบันตึกแถวสองชั้นทรงยุโรปหลังนี้ เปิดเป็นร้านอาหารต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยชูเมนูอาหารเวียดนามเป็นจุดขาย
เวลาเปิดปิด : ทุกวัน 06:00-17:00 น.
เมนูห้ามพลาด : ข้าวเปียก สุกี้ น้ำมะเม่า ขนมปังและกาแฟเวียดนาม
3
คฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์
คฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์
คฤหาสน์อุมดมเหลังนี้ สร้างขึ้นตามรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลฝรั่งเศส ในปี 2476 โดยช่างชาวเวียดนาม ที่อพยพมาอยู่ในจังหวัดนครพนมและบ้านท่าแร่ เป็นอาคาร 2 ชั้น ชั้นล่างทำเป็นร้านค้า จำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ด ส่วนชั้นบนเป็นที่พักอาศัย มี 2 ห้องนอนอยู่ด้านซ้ายและด้านขวา มีแท่นพระที่สวยงามตั้งอยู่ตรงกลางห้องโถง สำหรับตั้งกางเขน พระรูปพระเยซู รูปพระแม่มารี และนักบุญต่าง ๆ ไว้ให้สมาชิกในครอบครัวได้เคารพบูชาและสวดภาวนา ปัจจุบันบริเวณชั้นล่างได้รับการปรับปรุงและพัฒนาให้เป็นคาเฟ่และร้านอาหารภายใต้ชื่อ UDD Udomdetwat Cafe & Bistro
เวลาเปิดปิด : จันทร์-ศุกร์ 09:00-18:00 น. / เสาร์-อาทิตย์ 08:30-18:30 น.
เมนูห้ามพลาด : Udomdet’s Vibes ลาเต้ส้ม Chapter 1 อเมริกาโนสับปะรดน้ำผึ้ง และลิ้นจี่ชีสพาย
4
คฤหาสน์โสรินทร์
คฤหาสน์โสรินทร์
คฤหาสน์โสรินทร์ สร้างขึ้นในปี 2475 โดยช่างชาวเวียดนามเช่นเดียวกับคฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์ เป็นอาคารหลังเดี่ยว 2 ชั้น ในรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศสในยุคอาณานิคม โดยช่างก่อสร้างได้ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นและประสบการณ์ในการก่อสร้างแบบก่ออิฐถือปูนจากวัสดุพื้นบ้าน ด้วยการนำปูนขาวผสมกับทรายและยางพืชพื้นเมือง คือยางบงและน้ำอ้อยแทนปูนซีเมนต์ โครงสร้างชั้นบนส่วนมากเป็นไม้ อุปกรณ์บางอย่างนำเข้าจากฝรั่งเศส ด้านลักษณะเด่นของอาคาร ประกอบด้วยลวดลายปูนปั้น ประตูบานเฟี้ยม และซุ้มวงโค้งที่ด้านหน้าและด้านข้าง ปัจจุบันอาคารหลังนี้ยังอยู่ในการดูแลของลูกหลานตระกูลโสรินทร์ แม้ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นที่พักอาศัย แต่ยังคงทิ้งร่องรอยของเรื่องราวของผู้คน ท้องถิ่น บอกเล่าผ่านงานสถาปัตยกรรมท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี
5
ตึกหิน
ตึกหิน
บ้านโบราณหลังนี้เป็นสมบัติของบุตรอดีตเจ้าเมืองสกลนคร นับถึงปัจจุบันมีอายุราว 100 ปี เดิมทีสร้างเป็นที่อยู่อาศัย ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางราชการสั่งปิดโบสถ์ท่าแร่ ไม่ให้ใช้ทำพิธีใด ๆ ชาวท่าแร่จึงต้องหาสถานที่เพื่อใช้ทำพิธีต่าง ๆ ทางศาสนา เช่น พิธีบูชามิสซา พิธีรับศีลสมรส และเนื่องจากบุตรหลานของเจ้าของบ้านหลังนี้เป็นบาทหลวงคาทอลิก จึงอนุญาตให้ใช้บ้านหลังนี้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้ นอกจากนี้ ยังเชื่อกันว่า โฮจิมินห์อดีตผู้นำเวียดนามยังเคยอยู่อาศัยที่นี่ด้วย ต่อมาบ้านถูกไฟไหม้ ชำรุดทรุดโทรม ไม่มีการบูรณะซ่อมแชม มีต้นไม้ขึ้นรกรุงรัง จนกลายเป็นบ้านร้างอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
6
จุดชมวิวตะวันรอนที่หนองหาร
ทะเลสาบหนองหารเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากบึงบอระเพ็ด ครอบคลุมพื้นที่ถึง 12 ตำบลของจังหวัดสกลนคร เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืด นกน้ำ และพื้นที่ชุ่มน้ำที่สำคัญของประเทศไทย ขณะเดียวกันก็ยังมีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยเป็นแหล่งประกอบอาชีพทางด้านการประมงของชาวสกลนครและจังหวัดใกล้เคียง ในขณะที่ทางด้านการท่องเที่ยว เป็นแหล่งชมนกน้ำและล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามไม่แพ้ใคร
7
บ้านแห่งดวงดาว
บ้านแห่งดวงดาว
ชุมชนชาวคริสต์บ้านท่าแร่จะมีการจัด ‘เทศกาลแห่ดาวคริสต์มาส’ เทศกาลแห่งศรัทธาขึ้นในช่วงวันที่ 22-24 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเชื่อกันว่า ดาวเป็นสัญลักษณ์ของการเสด็จลงมาประสูติของพระเยซูบนโลกมนุษย์ จัดขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2525 โดยมีไฮไลต์อยู่ที่ขบวนแห่ดาวทั้งทางบกและทางน้ำสุดตระการตา ส่วนใครที่ไปเที่ยวท่าแร่ในช่วงเวลาอื่นที่ไม่ตรงกับช่วงเทศกาลแห่ดาว ก็สามารถไปเยี่ยมชมสาธิตการทำดาวและเลือกซื้อดาวจากคุณลำพร เจ้าของบ้านแห่งดวงดาวบนถนนคนทำดาว (ถนนเฟื่องฟู) ที่ผลิตดาวประดับส่งทั่วประเทศได้ โดยดาวของที่นี่มีตั้งแต่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 เซนติเมตร ไปจนถึง 150 เซนติเมตรเลยทีเดียว
โทรศัพท์ : 08 4401 8289
8
ร้านนำสมัย
ร้านนำสมัย
ภายในเรือนแถว 3 คูหาที่ทำจากไม้ทั้งหลัง อายุกว่า 70 ปี ชั้นล่างเปิดโล่ง ขณะที่ชั้นบนยังคงเป็นที่อยู่อาศัย เป็นที่ตั้งของร้านโชห่วยชื่อ ‘นำสมัย’ ของแม่ทัศนา วัย 74 ปี ที่เล่าให้ฟังว่า บ้านหลังนี้ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน หลากหลายธุรกิจ ทั้งร้านเย็บผ้า ร้านขายยา ร้านถ่ายรูป แต่ไม่ว่าจะเป็นกิจการไหน เจ้าของบ้านก็ยังคงยิ้มแย้มต้อนรับผู้มาเยือนอย่างเป็นกันเองเสมอ ขณะที่สินค้าภายในร้าน ทั้งอุปโภค บริโภค รวมถึงขนมขบเคี้ยวและไอศกรีมก็จัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ต่างอะไรกับร้านสะดวกซื้อและฉากในละครหรือภาพยนตร์ ใครได้แวะอุดหนุน นอกจากได้กระจายรายได้ให้กับคนในชุมชนแล้ว ยังได้รอยยิ้มจากแม่ทัศนาติดกระเป๋ากลับมาอีกด้วย
7
สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์
สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์
สวนขนาดใหญ่ที่สร้างล้อมสระพังทอง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองเก่าสกลนคร ด้วยเพราะเป็น ‘บาราย’ หรือสถานที่กักเก็บน้ำมาตั้งแต่ยุคขอมโบราณ ขณะที่ถัดออกไปอีกนิด จะสังเกตเห็นแนว ‘คูน้ำคันดิน’ เมืองโบราณริมทะเลสาบหนองหาร ที่มีไว้สำหรับป้องกันเมืองและป้องกันน้ำจากเทือกเขาภูพาน ซึ่งสันนิษฐานว่า มีมาตั้งแต่สมัยอารยธรรมขอมเช่นกัน ปัจจุบันทั้งสองสถานที่ ทั้งสระพังทองและคูเมืองเดิมต่างได้รับการพัฒนาโดยเทศบาลนครสกลนครให้เป็นสวนสาธารณะและพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ภายใต้ชื่อสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ และสวนสมเด็จเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา หรือที่เป็นรู้จักกันในชื่อ ‘สวนแม่-สวนลูก สกลนคร’
เวลาเปิดปิด : ทุกวัน 04:00-21:00 น.
6
Piccolo Café
Piccolo Café
แม้จะมีชื่อ Piccolo ในเมนู แต่คุณโอม เจ้าของร้านยืนยันว่า ไม่ได้เป็นเมนูแนะนำของทางร้าน เพียงแต่ที่ตั้งชื่อร้านว่า “Piccolo” ซึ่งในภาษาอิตาลี แปลว่า “เล็ก” นั้น ต้องการจะสื่อว่า Piccolo คือร้านกาแฟในเมืองเล็ก ๆ ที่คุณภาพไม่เล็กตามตัว โดย house blend ของทางร้านเป็นเมล็ดไทย-เคนยา คั่วกลางค่อนอ่อน เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสรสชาติจากกาแฟให้ได้มากที่สุด ด้านการตกแต่ง เน้นไปทางสีเอิร์ธโทน ล้อกับบ้านเก่าที่ใช้วัสดุหลักเป็นไม้และอิฐ หากใครมาตรงกับช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ที่หน้าร้าน Piccolo บนถนนเรืองสวัสดิ์ยังจะแปลงร่างเป็น ‘ถนนผ้าคราม’ ให้นักช้อปได้เลือกซื้อผ้าคราม อีกหนึ่งของดีเมืองสกลติดไม้ติดมือกลับบ้านกันไปอีกด้วย
เวลาเปิดปิด :
จันทร์-ศุกร์ (หยุดทุกวันพุธ) 08:00-15:00 น. / เสาร์-อาทิตย์ 09:00-16:00 น.
โทรศัพท์ : 08 3017 7141
5
ถนนใจผาสุก
ถนนใจผาสุก
ย่านเมืองเก่าสกลนครมีถนนสำคัญหลายสาย ซึ่งทุกสายล้วนผูกติดหรือยึดโยงกับการค้าการขาย ไม่ว่าจะเป็นถนนเจริญเมือง ถนนสุขเกษม หรือถนนใจผาสุก ที่เป็นย่านค้าขายและที่อยู่อาศัยของชาวจีนและชาวญวน การเดินเท้าบนถนนเหล่านี้ นอกจากจะทำให้เราได้เห็นความคึกคักทางเศรษฐกิจ (ซึ่งถึงแม้จะซบเซาลงไปบ้างตามกาลเวลา) แต่เรายังจะได้เห็นลักษณะเด่นของ ‘เรือนแถวไม้’ ที่ชั้นล่างทำเป็นร้านค้า ชั้นบนเป็นที่อยู่อาศัย ที่นับวันจะพบเห็นได้น้อยลงทุกที และถ้าสังเกตดีๆ ที่บ้านประตูของบ้านไม้บางหลังในย่านนี้จะมีตัวอักษรย่อ ‘ญอ’ เขียนอยู่ ซึ่งก็หมายความว่าบ้านหลังนั้นเคยเป็นที่พักของคนญวนอพยบซึ่งหนีภัยสงครามและศาสนาในประเทศเวียดนามมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เรื่อยมาจนถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ถือเป็นร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญ และเหลือให้เราเห็นอยู่เพียงไม่กี่หลังเท่านั้น
ห้ามพลาด : บนถนนใจผาสุก ยังเป็นที่ตั้งของ ‘ใจผาสุก บริวเวอรี่’ โรงเบียร์ท้องถิ่นของคนสกลนครที่รับรองว่า เข้าไปแล้วจะทำให้คุณออกมาด้วยใจที่ผาสุก
เวลาเปิดปิด : 17.00-24.00
โทร: 081 232 4936
4
ชุมชนกลางธงชัย
ชุมชนกลางธงชัย
ชุมชนกลางธงชัย หรือ ‘คุ้มกลางธงชัย’ นับเป็นชุมชนแรกของเมืองเก่าสกลนคร ซึ่งต้องนับย้อนกลับไปถึงสมัยกรุงธนบุรี ที่อุปฮาดเมืองกาฬสินธุ์ได้รับคำสั่งให้นำครอบครัวมาตั้งถิ่นฐานที่บ้านธาตุเชิงชุม เพื่อดูแลพระธาตุเชิงชุม ตามพัฒนาการการก่อรูปของเมืองและชุมชนที่เรียกว่า “คุ้มบ้านคุ้มวัด” หมายถึง การที่วัดและชุมชนอยู่ด้วยกัน เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ซึ่งคนในชุมชนยังคงสืบเชื้อสายมาจนถึงปัจจุบัน ขณะเดียวกันก็ยังมีการสอดแทรกสตรีทอาร์ตไว้ตามมุมต่าง ๆ ของชุมชน เพื่อเล่าเรื่องเมืองและแสดงให้เห็นถึงความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
3
กุนเชียงยายทองคำ
กุนเชียงยายทองคำ
ร้านขายของฝากเก่าแก่ในย่านเมืองเก่าสกลนคร ซิกเนเจอร์คือ ‘กุนเชียง’ ที่คุณยายทองคำ เจ้าของร้านบอกเคล็ดลับว่า อยู่ที่การใช้หมูเนื้อแดงล้วน ไม่ผสมแป้ง ไม่ใส่ดินปะสิวและสารกันบูด ก่อนจะขยายไลน์ผลิตต่อยอดไปเป็นไส้กรอกอีสาน แหนม และหมูฝอย ซึ่งก็ขายดีไม่แพ้กัน แถมตอนนี้ที่ร้านยังได้ลูกสาวอย่างป้าแหม่มมาขาย ‘ปากหม้อ’ ที่เริ่มจากการทำกินกันเองในครอบครัวแล้วคุณยายเอาไปออกโรงทานจนทุกคนถามหา เมื่อทนเสียงเรียกร้องไม่ไหวจึงต้องกลับมาเปิดขายที่บ้าน ซึ่งด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพดี มีให้เลือกทั้งแบบธรรมดา ไข่ดาว ไข่ม้วน และไข่พับ จิ้มกับน้ำจิ้มสูตรพิเศษที่เน้นความเหนียวข้น ทำให้ไม่ว่าใครได้กินเป็นต้องกลับมาซ้ำทุกคนไป
เวลาเปิดปิด : ทุกวัน 08:00-18:00 น.
โทรศัพท์ : 08 8321 2502
2
พระธาตุเชิงชุมวรวิหาร
พระธาตุเชิงชุม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองสกลนคร ตั้งอยู่ภายในวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร พระอารามหลวง โดยมีความน่าสนใจอยู่ที่พระธาตุทรงบัวเหลี่ยม ศิลปะล้านช้างที่เราเห็นในปัจจุบันนั้น เป็นการ ‘สร้างครอบ’ ปราสาทหินศิลาแลงแบบขอมองค์เดิมไว้ นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีอาคารสิมโบราณ อายุเกือบ 200 ปี โดดเด่นด้วยภาพจิตรกรรมเถาไม้เลื้อย ภาพเทพบุตรและเทพธิดา รวมถึงหอกลองและหอระฆังสูงสามชั้น ที่ถึงแม้จะมีอายุไม่มาก แต่การมีสถาปัตยกรรมและภาษาเวียดนามปรากฏก็เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า พระธาตุแห่งนี้เป็นศูนย์รวมใจของคนหลากหลายเชื้อชาติในสกลนครอย่างแท้จริง
เวลาเปิดปิด : ทุกวัน 06:00-22:00 น.
ห้ามพลาด : ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ของทุกปี มีการจัดงานนมัสการพระธาตุเชิงชุมประจำปี อีกหนึ่งประเพณีที่ยิ่งใหญ่ในพื้นที่เมืองเก่าสกลนคร มีไฮไลท์อยู่ที่การรำบวงสรวงองค์พระธาตุโดยนางรำกว่า 5,000 คน
1
บ้านเสงี่ยม-มณี
บ้านเสงี่ยม–มณี
บ้านไม้สามชั้นอายุกว่า 70 ปี ที่ได้รับการปรับปรุงให้เป็นที่พักขนาดเล็กใจกลางเมืองเก่าสกลนคร ภายใต้การดูแลของสองสถาปนิก คุณฟ้าและคุณติ๊ดตี่ ทายาทเจ้าของบ้านในเจเนอเรชันที่ 3 จึงไม่ต้องแปลกใจที่ที่พักขนาด 4 ห้องนอน ทั้งยลสกล มนต์หนองหาร ละลานนา และเทิงภูพาน จะได้รับการอนุรักษ์และทะนุถนอมความดั้งเดิมเอาไว้ ขณะเดียวกันก็มีการเติมแต่งให้ผู้เข้าพักได้รับความสะดวกสบายมากขึ้นในการเข้าพัก พร้อมบอกเล่าเรื่องราวของการอนุรักษ์บ้านเก่า ของดีเมืองสกล ร่วมด้วยการเสิร์ฟคราฟต์กาแฟ มัทฉะ และไอศกรีมโฮมเมดเจลาโตภายใต้แบรนด์ CUUN and Co. เคล้าบทสนทนาของผู้เข้าพักที่ชั้นล่างของตัวบ้าน
เวลาเปิดปิด : นัดหมายล่วงหน้า
โทรศัพท์ : 06 2727 7126
10
วัดป่าสัก
วัดเก่าแก่ที่ถือเป็นปูชนียสถานสำคัญของเมืองเชียงแสน ที่สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุส่วนกระดูกตาตุ่มข้างขวาของพระพุทธเจ้า ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 16 ไร่ โดยรอบวัดมีการปลูกต้นสัก 300 ต้น จึงเป็นที่มาของชื่อวัด ความโดดเด่นของวัดนี้คือ เจดีย์ทรงปราสาทแบบล้านนา 5 ยอดที่ยังมีความสมบูรณ์อยู่มาก ซึ่งได้รับอิทธิพลจากศิลปะหริภุญชัย ส่วนรอบๆ จะมีเจดีย์องค์เล็กประดับอยู่ทั้ง 4 มุม เป็นการออกแบบผสมผสานระหว่างศิลปะสุโขทัย พุกามและหริภุญชัย จนกลายมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเจดีย์ล้านนา ขณะเดียวกันยังได้รับวัฒนธรรมการออกแบบมาจากประเทศเพื่อนบ้าน สังเกตได้จากลายโบตั๋นจากจีน ใบระกาจากเมียนมาร์และหน้ากาลจากกัมพูชา
เคล็ดลับการไหว้พระ
แนะนำให้ใช้ “สวยดอก” ศิลปะการจัดดอกไม้แบบล้านนามาใช้ไหว้พระขอพร ซึ่งสวยดอกมีหลากหลายรูปทรง ไม่ว่าจะเป็นทรงปากนกแก้ว ทรงพระเจ้านั่งโก๋น ซึ่งมีความสวยงามที่แตกต่างกัน
เวลาเปิดปิด :
–ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.
–ค่าเข้าชม คนไทย 10 บาท คนต่างชาติ 50 บาท
9
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน
ตั้งอยู่ตรงข้ามวัดพระมหาธาตุ ถือเป็นศูนย์ข้อมูลประวัติศาสตร์ที่สำคัญของเมืองเชียงแสน แสดงเรื่องราวที่มาทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์ศิลปะ ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งหลักแหล่งของชุมชน รวบรวมวัตถุหลักฐานที่เกี่ยวเนื่องกับวัฒนธรรม ศาสนาและความเชื่อ โดยจัดแสดงโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และขนบธรรมเนียมประเพณีของกลุ่มชนชาวเชียงแสน เช่น ตุง เครื่องตั้งธรรมหลวง หีบธรรม และเจดีย์จำลอง เป็นต้น สิ่งที่ไม่ควรพลาดชม คือหน้ากาล ศิลปะล้านนาพุทธศตวรรษที่ 18-19 และปูนปั้นประดับเจดีย์
เวลาเปิดปิด :
–วันพุธ–วันอาทิตย์ เวลา 08.30-16.30 น. (ปิดวันจันทร์–อังคาร)
–ค่าเข้าชม คนไทย 10 บาท คนต่างชาติ 100 บาท
8
วัดมุงเมือง
ตั้งอยู่ตรงข้ามวัดพระบวช ภายในวัดมีโบราณสถานที่สำคัญคือ พระเจดีย์ที่ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจตุรัสย่อมุมซ้อนกันสี่ชั้น มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปางเปิดโลกทั้งสี่ด้าน ส่วนยอดเป็นองค์ระฆังกลม มีเจดีย์เล็กๆ ประดับอยู่ที่มุมคล้ายเจดีย์ที่วัดป่าสัก ส่วนบริเวณรอบๆ มีศาลาลายซึ่งเป็นที่อยู่ของพระสงฆ์ในอดีต และมีซุ้มประตูโขงตรงทางเข้าวัด ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นศิลปะการออกแบบวัดที่หาชมได้ยากในปัจจุบันและควรค่าที่จะมาเที่ยวชม
7
วัดพระเจ้าล้านทอง
วัดเก่าอายุกว่า 500 ปี เป็นที่ประดิษฐานของพระเจ้าล้านทององค์ใหญ่ที่สุดในเมืองเชียงแสน ซึ่งเป็นพระพุทธปฏิมากรที่หล่อด้วยทองปัญจะโลหะและออกแบบด้วยศิลปะล้านนา โดยคำว่า “ล้านทอง” มีที่มาจากน้ำหนักของทองที่ใช้ในการสร้างพระพุทธรูป โดยภายในวัดยังเป็นที่ตั้งของศาลหลักเมืองเชียงแสน ที่คนในพื้นที่เรียกว่า วัดสะดือเมืองหรือหัวใจของเมืองเชียงแสน รวมถึงมีเจดีย์องค์ใหญ่ ที่ถือเป็นโบราณสถานที่ยังสมบูรณ์สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งตั้งอยู่หลังวิหารของวัดด้วย
เส้นทางลับการเดินเที่ยวจากจุดนี้ไปยังจุดถัดไป
เส้นทางจากวัดพระเจ้าล้านทองไปยังวัดมุงเมือง นอกจากจะใช้เส้นกลางเมืองซึ่งเป็นถนนหลักได้แล้ว สามารถเดินผ่านเส้นหลังวัดซึ่งจะไปทะลุตรงซอยไปรษณีย์ด้านข้างวัดมุงเมือง ซึ่งถนนเส้นนี้จะเรียงรายไปด้วยบ้านเรือนเก่าแก่ของชาวเชียงแสน ที่ใช้สถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในการออกแบบบ้านด้วย
6
วัดนางฟ้ากาเผือก
วัดเก่าแก่อายุหลายร้อยปีที่มีการสันนิษฐานว่าตั้งอยู่ในเขตพระราชวังในอดีต เป็นวัดที่มีความหมายในเชิงความรัก ที่คนในพื้นที่ส่วนใหญ่จะมาขอพรเรื่องเนื้อคู่ เนื่องจากจุดเริ่มต้นของการสร้างวัดแห่งนี้คือพระมหากษัตริย์ทรงสร้างวัดให้กับคนรักซึ่งเป็นธิดาเมืองล้านช้าง ทำให้เจดีย์ของที่นี่เป็นศิลปะล้านช้างแห่งเดียวในเมืองเชียงแสน เมื่อสร้างเสร็จได้มีการบวชพระสงฆ์ 1,000 รูปเพื่อฉลองวิหารด้วย อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด นอกจากการชมโบราณสถานแล้ว คือการมองขึ้นไปบนต้นโพธิ์ จะเห็นใบโพธิ์เรียงกันเป็นรูปหัวใจด้วย ซึ่งสะท้อนถึงการเป็นวัดแห่งความรักจริงๆ
5
ริมแม่น้ำโขง
เดินเที่ยวเพลินๆ ก็จะมาเจอแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่บอกว่าเรามาถึงสุดแดนประเทศไทยที่เมืองเชียงแสนแล้ว ฝั่งตรงข้ามเป็นประเทศลาว ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของอาคารขนาดใหญ่และคาสิโน ที่ผู้คนส่วนใหญ่เรียกว่า อาณาจักรคิงส์โรมัน ภายใต้เขตเศรษฐกิจพิเศษของกลุ่มทุนจีน ถัดออกไปก็จะเจอกับสามเหลี่ยมทองคำ พื้นที่พรมแดนระหว่างไทย ลาวและเมียนมาร์ ซึ่งเป็นจุดบรรจบระหว่างแม่น้ำรวกและแม่น้ำโขง โดยที่้้เมืองเชียงแสนจะให้บริการเป็นจุดผ่านแดนถาวรไทย-ลาว ที่พี่น้องสามารถเดินทางสัญจรไปมาได้อย่างสะดวกผ่านทางเรือ มีทั้งเรือข้ามฝากและเรือนำเที่ยวล่องแม่น้ำ และในทุกเย็นวันเสาร์ ถนนริมแม่น้ำโขงจะเปลี่ยนเป็นถนนคนเดิน ให้ได้ชอปปิ้งและอุดหนุนสินค้าวิสาหกิจของชุมชนอีกด้วย
การให้บริการเรือและการข้ามแดน
-ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. มีให้บริการทั้งเรือหางยาวและเรือมีหลังคา นั่งได้มากที่สุด 15 คน ราคา 800-1,500 บาท
-หากต้องการไปลาว สามารถใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียว และไปขอทำใบผ่านแดนที่ว่าการอำเภอเชียงแสน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากริมแม่น้ำโขง ก็สามารถเที่ยวลาวได้ 3 วัน
4
ร้านไส้อั่วเชียงแสน
ร้านลับเฉพาะเจ้าถิ่นเท่านั้นที่จะรู้จักและเคยสัมผัสกับความอร่อยของไส้อั่วเชียงแสน เมนูขวัญใจของคนในพื้นที่ ด้วยความอร่อยกลมกล่อม หอมเครื่องเทศ โดยมีให้เลือก 2 รสชาติ คือเผ็ดและไม่เผ็ด ขายในราคาน่ารัก เพียงขีดละ 40 บาท และอีกหนึ่งเมนูที่ห้ามพลาดเมื่อมาถึงที่นี่คือแกงกระด้าง อาหารขึ้นชื่อของเมืองเหนือ ซึ่งร้านนี้มีเอกลักษณ์แตกต่างจากร้านอื่นตรงพริกแกงรสเผ็ดพอดีและไม่ผสมวุ้น ทำให้ได้รสชาติและรสสัมผัสของแกงแบบต้นตำรับ ทานอิ่มแล้วยังเดินเที่ยวต่อได้อีก เพราะติดกันกับร้านไส้อั่วเป็นที่ตั้งของวัดนันทขว้าง อีกหนึ่งโบราณสถานแห่งสำคัญของเชียงแสน
เวลาเปิดปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-19.00 น. หรือจนกว่าของจะหมด
3
ตลาดสดสินสมบูรณ์
ตลาดเก่าอายุกว่า 100 ปีซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าขายสำคัญของเมืองเชียงแสนมาแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตลาดที่เราเห็นในปัจจุบันนี้ได้มีการบูรณะและต่อเติมจากอาคารไม้หลังเดิม ที่ถูกไฟไหม้จนเสียหายทั้งหลัง ตลาดใจกลางเมืองแห่งนี้เปิดขายสินค้าพื้นเมือง ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ อาหารและผักผลไม้พื้นถิ่นที่พี่น้องชาติพันธุ์จากดอยแม่แอบ นำลงมาขายด้วยตนเองในราคาที่เป็นมิตร โดยจะเปิดขายตลอดทั้งวัน แต่จะคึกคักเป็นพิเศษในช่วงเช้า มาถึงที่นี่แล้วต้องลองทานอาหารไทใหญ่และเดินไปเที่ยววัดปราสาทคุ้มที่ตั้งอยู่หลังตลาด ชมความงามของเจดีย์ก่ออิฐถือปูนยอดระฆังทรงกลม ซึ่งเป็นรูปแบบการสร้างเจดีย์ที่นิยมมากที่สุดในเมืองเชียงแสน
เวลาเปิดปิด :
-ทุกวัน 24 ชม.
-มีบริการห้องน้ำสะอาดในราคา 5 บาท
2
วัดพระยืน
วัดพระยืน
วัดเก่าอายุเกือบ 700 ปี สร้างเป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมเพื่อบรรจุพระธาตุ 140 องค์ เป็นเรือนธาตุตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสซ้อนกัน 3 ชั้น ขนาด 8 เมตร ปัจจุบันเป็นวัดร้าง ไม่พบวิหารและอาคารอื่นๆ แม้จะร้าง แต่ด้วยตัวเจดีย์ที่ยังสมบูรณ์ ทำให้วัดนี้ยังงดงามและทรงคุณค่า ขณะเดียวกันข้าง ๆ วัดพระยืน เป็นที่ตั้งของด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงแสน ซึ่งเป็นอาคารไม้เก่าที่ผ่านการดูแลเป็นอย่างดี ยังคงความสวยงามและสมบูรณ์มากหลังหนึ่งของไทย
1
วัดเจดีย์หลวง
วัดหลักและและศูนย์รวมจิตใจของของชาวเชียงแสนในอาณาจักรล้านนา สร้างโดยพญาแสนภู กษัตริย์ล้านนาองค์ที่ 3 เป็น 1 ใน 73 วัดในกำแพงเมือง ด้วยความโดดเด่นของเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมที่สวยงามตั้งตระหง่านกลางเมือง มีความสูงถึง 88 เมตรและมีฐานกว้าง 24 เมตร เป็นพระเจดีย์ทรงระฆังแบบล้านนาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเชียงแสน และเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปที่เดิมเป็นปูนปั้นอายุเกือบ 700 ปี ส่วนวิหารหลวงใหญ่เป็นวิหารทรงล้านนา สังเกตได้จากการออกแบบจั่ว ด้านหน้า 3 จั่วและด้านหลัง 2 จั่ว
วิธีการเดินทางและที่จอดรถ
>เจดีย์หลวงตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงแสน ห่างจากวัดป่าสัก 250 เมตร
>สามารถเดินทางด้วยหลายวิธีทั้ง รถสามล้อ รถมอเตอร์ไซต์รับจ้างและเดินเท้า
>รถส่วนตัว สามารถจอดได้บริเวณริมถนนด้านหน้าเจดีย์หลวง
เวลาเปิดปิด : ทุกวัน
-เวลา 07.00-18.00 น.
8
บ้านสิงหไคล
อาคารบ้านโบราณอายุกว่า 100 ปี เรียกกันในชื่อบ้านมิชชันนารี ออกแบบโดยนายแพทย์วิลเลียม เอ บริกส์ คนเดียวกับที่ออกแบบอาคารศาลากลางหลังเก่า ปัจจุบันได้รับการบูรณะเป็นที่ทำการมูลนิธิมดชนะภัย เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ในด้านสถาปัตยกรรม งานศิลปะและเรื่องภัยพิบัติ รวมทั้งยังเป็นพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจของผู้ที่ชื่นชอบศิลปะ โดยชั้นสองของอาคารเปิดพื้นที่เป็นแกลเลอรีแสดงผลงานศิลปะซึ่งจะมีศิลปินสลับหมุนเวียนมาโชว์ผลงาน ส่วนชั้นล่างเปิดเป็นร้านกาแฟบ้านมด ให้บริการอาหารพื้นเมืองและไอศครีมโฮมเมดจากวัตถุดิบเมืองเชียงราย อีกสิ่งสำคัญเมื่อมาถึงบ้านสิงหไคล คือการถ่ายภาพกับอุโมงค์ต้นไม้บริเวณถนนด้านหน้าอาคารที่ร่มรื่นและสวยงามเหมือนฉากในหนังยังไงยังงั้น
เวลาเปิดปิด :
-ทุกวัน ยกเว้นวันพุธ เวลา 08.00-17.00 น.
สายมูสายแลนด์มาร์คฟังทางนี้
-เดินต่อไปจากบ้านสิงหไคลประมาณ 600 เมตรจะเจอกับอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์มังราย ผู้สร้างเมืองเชียงราย ที่ผู้มาเยือนสามารถไปสักการะและขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล
7
ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเก่า
อาคารตึกทำงานของข้าหลวงเชียงรายอายุเกือบ 130 ปี ถือเป็นศาลากลางที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยที่ยังคงเหลืออยู่ ในอดีตถูกสร้างขึ้นตามนโยบายการปฏิรูปการปกครองเข้าสู่ศูนย์กลางของรัฐบาลสยาม ออกแบบโดยนายแพทย์วิลเลี่ยม เอ. บริกส์ มิชชันนารีชาวแคนาดา ที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในจังหวัดเชียงราย เป็นสถาปัตยกรรมที่มีโครงสร้างก่ออิฐถือปูนตามศิลปะแบบโคโลเนียล หลังคาทรงปั้นหยาและประดับด้วยมุขหน้าต่างหลังคา ปัจจุบันไม่ได้เปิดทำการเนื่องจากอยู่ระหว่างปรับปรุงและในปลายปี 2568 ด้านหน้าของอาคารศาลากลางจะเป็นที่ตั้งของ Thailand Creative & Design Center(TCDC) ของจังหวัดเชียงรายด้วย
6
วัดพระสิงห์
วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเชียงรายอายุ 600 กว่าปี เป็นที่ประดิษฐานของพระสิงห์หรือพระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปที่ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของพี่น้องชาวเชียงรายมาอย่างยาวนาน ซึ่งเป็นพระพุทธปฏิมาศิลปะแบบล้านนาไทย ในพุทธศตวรรษที่ 21 ส่วนพระอุโบสถ เป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนาไทยสมัยเชียงแสนที่สวยงามไม่แพ้กัน อีกหนึ่งจุดไฮไลท์ที่สำคัญ คือการชมบานประตูหลวง ที่ทำจากไม้แกะสลักจิตรกรรม ฝีมือการออกแบบที่สวยงามของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ
เวลาเปิดปิด
-เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 – 18.30 น.
-ไม่เสียค่าเข้าชม
5
หอนาฬิกาเก่า
หอนาฬิกาแรกของชาวเชียงราย ที่อยู่ห่างจากหอนาฬิกาใหม่ประมาณ 400 เมตร ตั้งอยู่ใกล้กับตลาดสดเทศบาล 1 ตรงสามแยกโรงรับจำนำ เป็นสถาปัตยกรรมที่เรียบง่ายแต่มีเสน่ห์เฉพาะตัว จากจุดเริ่มต้นที่ต้องการปรับปรุงหอนาฬิกาเรือนแรกสุดเมื่อปี พ.ศ.2510 ที่มีเข็มนาฬิกาทั้ง 4 ด้าน บอกเวลาไม่เท่ากัน ทำให้สโมสรโรตารี่เชียงรายและร้านถ่ายรูปโกดักร่วมกันสนับสนุนทุนในการก่อสร้าง จนกลายเป็นหอฬิกาที่มีโลโก้ของโกดักอยู่ด้วย เป็นอีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์คที่ถือเป็นสัญลักษณ์สุดคูลของเมืองเชียงราย
4
ตลาดสดเทศบาล 1
ตลาดหลักและใหญ่ที่สุดในเมือง ศูนย์รวมวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวเชียงรายที่ยังคงเสน่ห์แบบดั้งเดิม รวบรวมอาหารวัฒนธรรมล้านนาไม่ว่าจะเป็นขนมจีนน้ำเงี้ยว ข้าวแรมฟืน ไส้อั่ว ผักพื้นเมือง รวมถึงสินค้าท้องถิ่นหัตถกรรมจากชุมชน เช่น ผ้าทอพื้นเมืองและกระติ๊บข้าว เป็นต้น โดยร้านค้าส่วนใหญ่เป็นร้านเก่าแก่ที่สืบทอดกิจการค้าขายมาหลายรุ่นอายุคน และบางร้านก็มีพี่น้องชาติพันธุ์จากบนดอยลงมาขายสินค้าต่างๆ ด้วยตนเอง เดินช้อปปิ้งเสร็จแล้วสามารถไปไหว้พระที่วัดมุงเมือง ซึ่งอยู่ติดกับตลาด ชมพระเจดีย์เก่าแก่ศิลปะล้านนาที่ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจตุรัสที่หาชมได้ยากในปัจจุบัน
เวลาเปิดปิด :
-เปิดทุกวัน ตลอด 24 ชม.
เมนูและร้านที่ห้ามพลาดเมืองมาถึงกาดหลวงเจียงฮาย
-น้ำเงียวป้านวล เปิดร้านตั้งแต่เวลา 06.00-14.00 น.
-ขนมเบื้องญวนซอยโรงหนังรามา
-ร้านกาแฟกาดหลวงของคุณลุงวีระพงค์คนใจดี ถ้าอยากได้หวานน้อย อย่าเผลอสั่งหวานนิด เพราะจะได้หวานมาก :)
3
หอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติฯ
งานประติมากรรมที่ตั้งโดดเด่นสวยงามใจกลางเมืองเชียงรายมาแล้วกว่า 20 ปี เป็นผลงานการออกแบบของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินชาวเชียงรายชื่อดัง ที่นำเอากลิ่นอายของพุทธศาสนามาออกแบบงานศิลปะที่มีลวดลายแบบไทยคล้ายกับการออกแบบวัดร่องขุ่น โดยใช้เวลาสร้างถึง 5 ปีก่อนปรากฎโฉมเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของจังหวัด โดยในทุกคืนจะมีการแสดงแสง สี เสียงประกอบเพลงเชียงรายรำลึก ใน 3 ช่วงเวลาตั้งแต่ 19.00 – 21.00 น.
2
จุดเช็คอินยามค่ำคืนใจกลางเมืองเชียงราย ศูนย์รวมร้านอาหาร ของที่ระลึก สินค้าพื้นเมืองและงานหัตถกรรม มีเวทีแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านแบบล้านนาให้นักท่องเที่ยวได้ชม แต่ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ตอนกลางคืนเท่านั้น เพราะกลางวันยังเป็นพื้นที่ศูนย์กลางของเมือง ที่มีร้านอาหารท้องถิ่นให้เลือกทานอย่างหลากหลาย มีร้านนวดผ่อนคลายให้บริการสุดประทับใจ และเป็นพื้นที่ศูนย์รวมอาคารสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่และสวยงามของเมืองเชียงรายให้เดินชมอย่างเพลิดเพลิน
เวลาเปิดปิด :
-ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.00-21.00 น.
-สามารถจอดรถได้ที่อาคารจอดรถของสถานีขนส่งเชียงราย แห่งที่1
แนะนำตลาดยามค่ำคืนที่อยู่ใกล้เคียงกับเชียงรายไนท์บาซาร์
–ถนนคนเดินเชียงราย : ตั้งอยู่บนถนนธนาลัย ถนนใจกลางเมืองที่จะปิดการจราจรเพื่อเปิดทางให้คนเชียงรายมาเปิดร้านขายอาหารและสินค้าพื้นถิ่น พร้อมมีเวทีการแสดงพื้นบ้านให้ได้ชมอย่างสนุกสนาน ในทุกวันเสาร์ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป
–ถนนคนม่วน : ตั้งอยู่บริเวณถนนสันโค้ง ไม่ไกลจากโซนเมืองชั้นใน แวะช้อปปิ้งอาหารและสินค้าภูมิปัญญาชาวเหนือ พร้อมรำวงร่วมกับชาวชุมชนได้ทุกวันอาทิตย์ตั้งแต่เวลา 16.00 – 22.00 น.
1
สถานีขนส่งเชียงราย แห่งที่1 (ท่ารถเก่า)
สถานีขนส่งเชียงราย แห่งที่1 (ท่ารถเก่า)
สถานีขนส่งแห่งแรกของจังหวัดที่มีความหมายต่อการเดินทางติดต่อค้าขายของชาวเชียงรายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ให้บริการรถโดยสารสาธารณะทั้งรถสองแถวและรถบัสไปยังอำเภอต่างๆ รวมถึงจังหวัดใกล้เคียงในภูมิภาค อีกทั้งยังมีบริการรถรางเที่ยวรอบเมือง ภายในอาคารตกแต่งด้วยภาพวาดศิลปะที่รวบรวมอัตลักษณ์ของจังหวัด และเป็นที่ตั้งของศูนย์บริการการท่องเที่ยว มีเจ้าหน้าที่คอยให้ข้อมูลการท่องเที่ยวที่ครบถ้วน ส่วนด้านบนของอาคารให้บริการจอดรถในราคาที่เป็นมิตร สามารถจอดรถที่นี่แล้วเดินเที่ยวรอบเมืองได้อย่างสะดวกสบาย
วิธีการเดินทางและที่จอดรถ
>สถานีขนส่งเชียงราย แห่งที่ 1 อยู่ห่างจากเชียงรายไนท์บาซาร์ 120 เมตร
>สามารถเดินทางด้วยหลายวิธีทั้งรถมอเตอร์ไซต์รับจ้าง รถสองแถวและเดินเท้า
>รถส่วนตัว สามารถจอดรถได้ที่อาคารจอดรถของสถานีขนส่งเชียงราย แห่งที่1
เวลาเปิดปิด :
-ทุกวัน สำนักงานจะเปิดบริการตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น. ส่วนรถโดยสารมีให้บริการถึง 24.00 น.
-อาคารจอดรถเปิดบริการตลอด 24 ชม.