Group 244@3x

surat

thani

เส้นทางที่มีเรื่องราวและวัฒนธรรมหลากหลายรอให้คุณเข้าไปสัมผัสเสน่ห์และประสบการณ์ใหม่ๆ ระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร ใช้เวลาไม่เกิน 1.5 ชม. แบ่งเป็น 2 เส้นทาง ดังนี้

– เส้นทางศิลปะและชีวิต: เรียนรู้วิถีชาวประมงท้องถิ่นในลุ่มน้ำตาปี ชมสตรีทอาร์ตและความน่ารักชาวชุมชนตลาดล่าง ย่านการค้าสำคัญในอดีตและเข้าใจพลังความศรัทธาของพี่น้องชาวไทย-จีนที่อยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว

– เส้นทางสถาปัตยกรรมเมืองเก่า: ชมความงามของสถาปัตยกรรมและอาคารบ้านเรือนแห่งยุคสมัยที่ยังโดดเด่นและสะท้อนรากเหง้าความเป็นมาของเมืองได้เป็นอย่างดี แม้จะผ่านมาหลายสิบปี

แล้วคุณจะหลงรักเมืองเก่าสุราษฎร์ธานีมากขึ้น!

life &
art

Processed with vsco with hb2 preset

Surat Thani -เส้นทางศิลปะและชีวิต:

เส้นทางแห่งวิถีชีวิต ศิลปะและศรัทธาในย่านเมืองเก่าสุราษฎร์ธานี ที่อยู่เคียงคู่แม่น้ำตาปี แม่น้ำสายยาวที่สุดในภาคใต้ เส้นทางนี้คุณจะได้สัมผัสเสน่ห์ของคนพื้นถิ่นรวมถึงชาวประมงพื้นบ้านที่ยังใช้ชีวิตแบบดั้งเดิม ได้เห็นถึงร่องรอยความรุ่งเรืองของการค้าทางน้ำในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และเห็นถึงคุณค่าวัฒนธรรมที่ถ่ายทอดผ่านความศรัทธาของพี่น้องชาวไทย-จีน ถือเป็นหนึ่งเส้นทางที่มีสีสันและชีวิตชีวาตลอดทั้งเวลากลางวันและกลางคืน          

Letswlak

old town
architecture

Surat thani khun sethttha pakdee bridge (สะพานขุนเศรษฐภักดี) 2205bb result

Surat Thani -เส้นทางสถาปัตยกรรมเมืองเก่า:

ใครบางคนเคยบอกว่า จังหวัดที่มีต้นทุนทางวัฒนธรรมถือเป็นจังหวัดที่มีกำไรทางการท่องเที่ยว สุราษฎร์ธานีคือจังหวัดนั้น มีสถาปัตยกรรมและประติมากรรมที่สวยงามและบอกเล่าเรื่องราวอัตลักษณ์ของจังหวัดได้เป็นอย่างดี เส้นทางนี้จึงได้รวบรวมแลนด์มาร์คเหล่านั้นซึ่งทั้งหมดตั้งอยู่ริมแม่น้ำตาปี แม่น้ำสำคัญที่ไหลผ่านกลางเมือง ทั้งยังเป็นเส้นทางที่คึกคักไปด้วยคนท้องถิ่น ต่างถิ่นและชาวต่างชาติที่แวะเวียนมาท่องเที่ยวตลอดทั้งปี

Letswlak

8

วัดไทร

มรดกทางวัฒนธรรมที่เก่าแก่ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองสุราษฎร์ธานี เชื่อกันว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอาณาจักรศรีวิชัยหรือราวๆ เกือบ 1,300 ปีมาแล้ว มาถึงที่นี่สิ่งที่ห้ามพลาดคือการชมศาลาการเปรียญไม้ 2 ชั้นอายุกว่า 100 ปี ซึ่งมีแห่งเดียวในเมืองสุราษฎร์ธานี อีกทั้งยังเคยถูกยึดเป็นฐานบัญชาการรบของญี่ปุ่น ขณะที่ยกพลขึ้นบกมาที่เมืองสุราษฎร์ธานีในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และอีกหนึ่งเช็คลิสต์ที่ไม่ควรพลาด คือการชมความงามของระฆังทองเหลืองสมัยรัชกาลที่ 3 ที่หาชมได้ยากในปัจจุบัน ส่วนบริเวณลานวัดในช่วงปลายสัปดาห์จะมีตลาดนัดให้ได้เลือกซื้ออาหารและนั่งพักผ่อนหย่อนใจ

เวลาเปิดปิด :

-ทุกวัน เวลา 06.00-22.00 น.

-ศาลาการเปรียญจะเปิดเวลา 16.30-21.00 น.(ไม่เสียค่าเข้าชม)

-ตลาดนัด เปิดให้ทุกวันพฤหัสบดี-อาทิตย์ เวลา 16.00-22.00 น.

7

ตลาดศาลเจ้า

สตรีทฟู้ดใจกลางเมืองสุราษฎร์ธานีที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย หรือ “หรอย” ในภาษาใต้ ตั้งอยู่ระหว่างศาลเจ้าฮกเกี้ยนและวัดไทร จึงเป็นที่มาของชื่อว่า “ตลาดศาลเจ้า” เปิดขายอาหารท้องถิ่นพื้นเมืองขึ้นชื่อ ที่มีให้เลือกชิมช้อปอย่างหลากหลายจากเกือบ 100 ร้านค้า และด้วยราคาที่เป็นมิตรและความน่ารักของพ่อค้าแม่ค้า จึงทำให้ตลาดแห่งนี้มีสีสันและคึกคักตลอดทั้งปี อีกทั้งยังเป็นแลนด์มาร์คของจังหวัดที่นักท่องเที่ยวต้องแวะมาเช็คอิน

เวลาเปิดปิด : ทุกวัน เวลา 16.00-21.00 น.

เมนูแนะนำ

>ผัดไทยท่าฉาง

>ทอดมันย่าง

>ซาลาเปาทอด(ขนมปู)

>ขนมจีนแกงใต้

 

ร้านเด็ดใกล้ตลาดศาลเจ้า

> “ยกเข่ง” ร้านก๋วยเตี๋ยวพื้นบ้านของสุราษฎร์ธานี อย่าง “โล่งโต้ง” ได้รับการการันตีจากมิชลินไกด์ บิบ กูร์มองด์ เมนูห้ามพลาด คือ โล่งโต้ง ก๋วยจั๊บ เต้าคั่ว ข้าวเหนียวมะม่วง และขนมไข่

เวลาเปิดปิด : ทุกวัน เวลา 11.30-16.30 น.

> “ทิพยรส”ร้านราดหน้าอายุ 70 ปี มีโดดเด่นคือการปรุงอาหารบนเตาถ่าน เมนูที่ต้องลองคือราดหน้าหมูหมักสูตรดั้งเดิม และผัดซีอิ๊วเส้นหอมกระทะ

เวลาเปิดปิด : ทุกวัน เวลา 11.00-20.00 น.

6

ร้านเกี๊ยวปลา

ร้านอาหารเจ้าดังที่ได้รับการการันตีจากมิชลินไกด์ บิบ กูร์มองด์ เปิดร้านต่อเนื่องจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูกยาวนานกว่า 60 ปี ความโดดเด่นร้านนี้คือ เกี๊ยวปลาและปลาม้วนสอดไส้ขึ้นฉ่ายที่ทำเองแบบสดใหม่ทุกวัน ทำให้รสชาติอร่อย ซดคู่กับน้ำซุปร้อนๆ รสชาติกลมกล่อม เข้ากันอย่างลงตัว

เมนูห้ามพลาด : ก๋วยเตี๊ยวเกี๊ยวปลา เกาเหลารวมมิตร

ช่วงราคา : 50-200 บาท          

เวลาเปิดปิด : จันทร์-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 08.00-14.00 น.         

3

ตรอกน้ำจรวด

ตรอกทำน้ำอัดลมโบราณหรือน้ำจรวด น้ำหวานรสชาติเปรี้ยวซ่าที่หลายคนชื่นชอบ คนในชุมชนที่นี่โดยเฉพาะพี่น้องในซอยตลาดล่าง 3 ยึดทำเป็นอาชีพเปิดร้านเสิร์ฟความชื่นใจให้คนทุกวัยที่แวะเวียนเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ตามที่สตรีทอาร์ตบนกำแพงได้เป็นตัวแทนบอกเล่าเรื่องราวในอดีต แม้ตอนนี้ที่นี่ไม่ได้ขายน้ำจรวดแล้ว แต่สามารถไปซื้อทานได้ที่ตลาดศาลเจ้า ส่วนใกล้ๆ ตรอกน้ำจรวดยังที่ตั้งของโรงทำทอดมันและโรงหมักเต้าเจี้ยวอีกด้วย

2

สตรีทอาร์ตชุมชนตลาดล่าง

ย่านสตรีทอาร์ตสุดคูลของจ.สุราษฎร์ธานี ภาพวาดเหล่านี้ไม่เพียงทำหน้าที่ตกแต่งให้ชุมชนตลาดล่างมีสีสันสวยงาม แต่ยังช่วยบอกเล่าเรื่องราวที่มาของชุมชนค้าขายเก่าแก่ริมแม่น้ำตาปีแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี ที่นี่เป็นที่ตั้งของท่าจอดเรือที่รุ่งโรจน์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เรือขนส่งสินค้าแวะเวียนเข้ามาเทียบท่าเกือบทุกวัน มีอู่ซ่อมเรือโบราณที่ญี่ปุ่นใช้เป็นอู่จอดเรือ และมีโรงงานเลื่อยไม้ในอดีต ปัจจุบันชุมชนแห่งนี้ยังคงอัตลักษณ์ดั้งเดิมของพื้นที่ไว้อย่างโดดเด่น ชวนให้นักท่องเที่ยวเข้าไปทักทายและทำความรู้จักมากขึ้น

4

วัดพัฒนาราม

วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองสุราษฎร์ธานี เมื่อมาถึงที่นี่ควรไหว้สักการะ“หลวงพ่อพัฒน์ นารโท” พระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่เป็นที่พึ่งทางจิตใจของคนสุราษฎร์ธานีมาอย่างช้านาน เมื่อไหว้เสร็จแล้วให้เดินชมความงามของพระอุโบสถเก่าที่ตั้งอยู่ติดกัน ซึ่งภายในมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยทรงเครื่องขัตติยราชแบบกษัตริย์และภาพจิตรกรรมฝาผนัง ‘แรกนาขวัญ’ ในสมัยรัชกาลที่5 ซึ่งหาชมได้ยากในพื้นที่ภาคใต้อีกด้วย

เวลาเปิดปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00-19.00 น.

5

มูลนิธิมุทิตาจิตธรรมสถาน

ศาลเจ้าจีนที่สำคัญของพี่น้องชาวจีนในเมืองสุราษฎร์ธานี เป็นที่ตั้งขององค์เจ้าแม่กวนอิม เทพเจ้าแห่งความเมตตา ซึ่งมีความพิเศษคือการแกะสลักองค์เจ้าแม่จากหินแกรนิตสีขาวสูง 12 เมตร ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นองค์หินแกรนิตที่สูงที่สุดในประเทศไทย โดยหินทุกชิ้นถูกขนส่งมาทางเรือจากมณฑลฮกเกี้ยน ประเทศจีน เพื่อมาประกอบเป็นองค์เจ้าแม่ที่สมบูรณ์และสวยงาม ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง

เวลาเปิดปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-19.00 น.        

1

ชุมชนตลาดล่าง ถนนมิตรเกษม

ชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำตาปีอายุเกือบ 200 ปีที่ปัจจุบันชาวชุมชนยังใช้ชีวิตเรียบง่ายและงดงาม ในอดีตที่นี่ถือเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของจังหวัด เป็นที่ตั้งของตลาดเช้าริมน้ำ ซึ่งเป็นตลาดแรกๆ ของจังหวัดที่มีโรงสีข้าว ชุมชนแห่งนี้เหมาะกับการตื่นเช้ามาสัมผัสวิถีชีวิตคนสุราษฎร์แท้ๆ เดินชิมอาหารท้องถิ่น เลือกซื้ออาหารทะเลสดๆ ที่ชาวประมงพื้นบ้านนำมาวางขาย พร้อมกับชมความงามของสถาปัตยกรรมอาคารและบ้านเรือนเก่าที่ออกแบบตามสไตล์ Mid-Century Modern

วิธีการเดินทางและที่จอดรถ

>ชุมชนตลาดล่างตั้งอยู่ห่างจากตลาดศาลเจ้า 300 เมตร

>ห่างจากท่าเรือเกาะ 750 เมตร

>สามารถเดินทางด้วยหลายวิธีทั้ง รถตุ๊กๆ ค่าบริการ 20 บาท รถมอเตอร์ไซต์รับจ้างและเดินเท้า

>รถส่วนตัว สามารถจอดรถได้บริเวณสะพานนริศ

เวลาเปิดปิด :

-ตลาดเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00-12.00 น.

4

ศาลเจ้าปึงเถ่ากง (ศาลเจ้าแต้จิ๋ว)

ศาลที่ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของชุมชนชาวจีนในบ้านดอน(เมืองสุราษฎร์ธานี)ที่จะมารวมตัวกันกราบไหว้สักการะ แก้ชงและประกอบพิธีสำคัญในวันตรุษจีน เป็นศาลเจ้าตามความเชื่อแบบจีนแห่งแรกของเมืองที่สร้างมานานกว่า100 ปี ออกแบบสถาปัตยกรรมสกุลช่างจีนแต้จิ๋วแบบซี่เตียมกิมหรือ “สี่ตำแหน่งทองคำ” ภายในประดับตกแต่งด้วยปูนปั้นและจิตรกรรมแบบจีนสวยงามและอ่อนช้อย เป็นที่ประดิษฐาน เจ้าพ่อเจ้าแม่หลักเมือง เจ้าพ่อกวนอู เจ้าแม่ทับทิมและพระแม่ธรณี

ตรงข้ามศาลเจ้าเป็น “ท่าเรือเกาะ” ท่าเรือที่จะเดินทางไปยังเกาะเต่าและเกาะใกล้เคียง และเป็นจุดนัดพบทานข้าวยามเย็นของคนสุราษฎร์ฯ มีร้านอาหารเจ้าเด็ดมาตั้งแผงรอเสิร์ฟความอร่อย ร้านที่ไม่ควรพลาดคือ

หอยทอดกุ๊งกิ๊งท่าเรือเกาะ : เปิดทุกวัน 17.00-23.00 น.

ป้ายาขนมหวาน : เปิดทุกวัน 18.00-00.00 น.

เวลาเปิดปิด :
ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 6.00-18.00 น.

7

ร้านเลี่ยนไถ่

ร้านปาท่องโก๋ที่ได้รับการการันตีจากมิชลินไกด์ “บิบ กูร์มองด์” (อาหารอร่อยคุ้มค่าในราคาย่อมเยา) เป็นร้านในตำนานของจังหวัด ตั้งอยู่บนถนนชนเกษม จุดเด่นของร้านคือการใช้แป้งหมักสูตรดั้งเดิมที่คุณพ่อคิดค้นมาเมื่อ 50 ปีก่อน จากนั้นนำลงทอดจนเป็นสีน้ำตาลทอง ให้ด้านนอกกรอบด้านในนุ่มฟู จิ้มคู่กับสังขยาใบเตยหอมหวานรสเข้มข้น  ที่ร้านยังมีเมนูเครื่องดื่มร้อน-เย็นทานไปพร้อมกัน ทั้ง ชาเย็นสูตรปักษ์ใต้ โกโก้และอื่นๆ รับรองอร่อยโดนใจ

เมนูห้ามพลาด : ปาท่องโก๋และสังขยาใบเตย

ช่วงราคา : 30-50 บาท

เวลาเปิดปิด :

-เปิดทุกวันยกเว้นวันอาทิตย์ เปิด 2 รอบ
ตั้งแต่เวลา 06.40-09.00 น. และ 18.00-22.00 น.

6

ตึกธารีรัตน์ 2495-ร้านนกฮูกสตอรี่

อาคารตึกเก่าอายุเกือบ 80 ปี ก่ออิฐถือปูนแบบผนังรับน้ำหนัก 2 ชั้น 3 คูหา มีประตูเป็นบานเฟี้ยม มีช่องลมเป็นลูกกรงปูนหล่อ มีคานค้ำกันสาดที่มีลวดลายประดับสวยงาม และหน้าบันที่มีปูนปั้นตัวอักษรชื่ออาคาร ถือเป็นงานสถาปัตยกรรมที่ทรงเสน่ห์ ตั้งอยู่บนถนนปรีดาราษฎร์ ใกล้ตลาดสดสุราษฎร์ธานี เดิมเคยเป็นสำนักงานทนายความเก่า ก่อนมารีโนเวตเป็นร้านคาเฟ่นกฮูกสตอรี่ แต่ยังคงความงามและความดั้งเดิมของตึกไว้เป็นอย่างดี

จากตึกธารีรัตน์ 2495 ไปยังร้านเลี่ยนไถ่ จะผ่านย่านตลาดและชุมชนเมืองของสุราษฎร์ธานี จะได้สัมผัสชีวิตผู้คนทั้งกลางวันและกลางคืนและชมความงามของอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ตามสไตล์บ้านไม้แบบไทย สไตล์ Mid-Century Modern และสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส อย่าง ตึกอาคารพาณิชย์ตรงข้ามตลาด ห้างผ้ารวมชัย ร้านเมื่อคืนและตึกสีขาวที่ร้านแว่นท็อปเจริญมารีโนเวตใหม่ ซึ่งในช่วงกลางคืนจะมีการเปิดไฟสีสันสวยงามรอบตัวอาคารด้วย

เวลาเปิดปิด :

-เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 07.00-21.00 น.

5

ประติมากรรมริมน้ำ จุดชมวิวสะพานศรีสุราษฎร์

ประติมากรรมริมเขื่อนแม่น้ำตาปี จำลองวิถีชีวิตริมน้ำของพี่น้องชาวสุราษฎร์ธานีในอดีตที่เรียบง่าย ทั้งคุณลุงยืนตกปลา เด็กน้อยรวมกลุ่มกันกระโดดเล่นน้ำ หรือการหว่านแหทำประมงพื้นบ้าน ซึ่งจุดนี้ไม่ได้มีเพียงประติมากรรมให้ชม แต่ยังสามารถสัมผัสวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้านที่ยังออกหาปลาและกุ้งกันตามปกติ ซึ่งมีภาพฉากหลังเป็นวิวสะพานศรีตาปี สะพานใจกลางเมืองที่สวยงาม ยิ่งโดยเฉพาะตอนกลางคืนจะมีการประดับตกแต่งไฟหลากสีสันให้บรรยากาศสุดโรแมนติก

2

ร้านลิ้มง่วนเส้ง

ร้านขนมเปี๊ยะโบราณตั้งอยู่ปากซอยชุมชนสะพานโค้ง 100 ปี เป็นร้านเก่าแก่ที่ส่งต่อสูตรขนมมาถึง 3 รุ่นบรรพบุรุษ ด้วยความอร่อย หวานหอมมัน รสกลมกล่อมไม่เหมือนใคร จึงกลายเป็นร้านขวัญใจของคนรักขนมเปี๊ยะที่แวะเวียนมาอุดหนุนเป็นประจำ นอกจากนี้ที่ร้านยังมีขนมโบราณอื่นๆ ที่หาทานยากให้เลือกชิมและอร่อยไม่แพ้กัน ทั้ง ถั่วตัด ขนมปี๊บและขนมมงคลต่างๆ

เมนูห้ามพลาด : ขนมเปี๊ยะไส้ฟัก ถั่วตัด

ช่วงราคา : 40-250 บาท

เวลาเปิดปิด :

-ร้านเปิดทุกวัน โดยวันจันทร์-เสาร์ เปิด 09.00-20.00 น. และวันอาทิตย์ เปิด 09.00-13.00 น.
-โทร 077-281137

3

ชุมชนสะพานโค้ง 100 ปี

ชุมชนโบราณอายุกว่า 100 ปีตั้งบนถนนเศรษฐภักดี ที่มีความโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ชิโน-โปรตุกีส และสะพานเชื่อมอาคารลอยฟ้า จนชาวบ้านเรียกขานที่นี่ว่า “สะพานโค้ง 100 ปี” โดยชุมชนแห่งนี้เป็นที่ตั้งของสำนักพิมพ์เก่า โรงแรมและร้านค้าที่เปิดในยุคเฟื่องฟูของเมืองที่ยังมีเสน่ห์จนถึงปัจจุบัน ถือเป็นย่านใหม่ที่รวมคนทุกวัยไว้ด้วยกัน มีคาเฟ่และภาพวาดสตรีทอาร์ตที่สวยงามกลมกลืนกับเมือง โดยทุกตอนเย็นของวันเสาร์อาทิตย์จะเปิดเป็นตลาดวินเทจ

เวลาเปิดปิด :
ตลาดชุมชนสะพานโค้ง 100 ปีจะเปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ตั้งแต่เวลา 16.00-22.00 น.

1

บ้านกลางเมือง

ร้าน Cafe & Workshop ใจกลางเมืองสุราษฎร์ธานี เป็นแหล่งนัดพบของคนทุกวัยโดยเฉพาะวัยรุ่น ที่จะมารวมตัวกันพักผ่อนและผ่อนคลายผ่านการทำกิจกรรมเวิร์กชอปที่มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งวาดภาพ ระบายสี ร้อยกำไลหินและปูนปั้น ที่ร้านยังมีบริการเครื่องดื่มและอาหารทานเล่นที่อร่อยและราคาไม่แพง ขณะเดียวกันบรรยากาศในร้านอบอวลไปด้วยความสบายตาและสบายใจผ่านการตกแต่งร้านให้ร่วมสมัยและมีต้นไม้สีเขียวให้ได้พักสายตา ใกล้ๆ ร้านบ้านกลางเมือง ยังมี “หอนาฬิการิมน้ำ” จุดแลนด์มาร์คของจังหวัดที่สามารถเดินไปถ่ายภาพได้

วิธีการเดินทางและที่จอดรถ

> ร้านบ้านกลางเมืองตั้งอยู่ห่างจากตลาดศาลเจ้า 350 เมตร
> ห่างศาลหลักเมือง 700 เมตร
> สามารถเดินทางด้วยหลายวิธีทั้ง รถตุ๊กๆ ค่าบริการ 20 บาท รถมอเตอร์ไซต์รับจ้างและเดินเท้า
> รถส่วนตัว สามารถจอดรถได้บริเวณริมถนนหน้าร้านหรือบริเวณสะพานนริศแล้วเดินมา

เวลาเปิดปิด : ทุกวัน

-วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-20.00 น.
-วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-21.00 น.

9

ก๋วยจั๊บหน้าวัดมหาธาตุ เจ้าเก่าขายมานานกว่า 80 ปี

แล้วการเดินเที่ยวชุมชนคลองกระแชงก็พาเรามาสิ้นสุดด้วยการฝากท้องไว้ที่ร้านก๋วยจั๊บหน้าวัดมหาธาตุ ร้านเล็ก ๆ ที่มีทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวเดินเข้าออกร้านอยู่ตลอดเวลา

จุดเด่นไม่ใช่แค่ความอร่อย แต่คือความเก่าแก่ดั้งเดิม เพราะร้านนี้มีจุดเริ่มต้นจากหาบเร่เล็ก ๆ ในตรอกต้นจันทร์ ก่อนเจ้าของร้านจะเก็บหอมรอมริบจนกลายมาเป็นร้านในอาคารพาณิชย์ที่คงรสมือเดิมมานานกว่า 80 ปี ทีเด็ดอยู่ที่หมูสามชั้นและหนังหมูย่างด้วยเตาถ่าน หอมกรุ่นทุกชิ้น เครื่องในสะอาดไร้กลิ่นคาว กับน้ำซุปที่กลมกล่อมลงตัว มีให้เลือกทานทั้งแบบน้ำข้นและน้ำใส                             

เวลาเปิดปิด :  พฤหัสบดี-อังคาร 10:30-16:00 น. 

10

วัดมหาธาตุวรวิหาร วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเพชรบุรี

วัดเก่าแก่แห่งนี้ถือเป็นสมบัติล้ำค่าของเพชรบุรี นักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่า สร้างมาตั้งแต่สมัยทวารวดี เคยถูกทิ้งร้างไปนาน จนมาถึงรัชกาลที่ 6 จึงได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ และได้รับการยกฐานะให้เป็นพระอารามหลวงในปี 2459

สิ่งที่ทำให้วัดแห่งนี้พิเศษ คือการเป็นสมบัติทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ และโบราณคดีในที่เดียว โดยเฉพาะ ‘พระปรางค์ 5 ยอด’ ที่เป็นเหมือนแลนด์มาร์กของเมืองเก่าเพชรบุรี ไม่ว่าจะมองจากทิศไหนก็เห็นชัดเจน ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนบริเวณระเบียงคดมีพระพุทธรูป 193 องค์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องแบบศิลปะอยุธยาตอนปลายกับแบบช่างเมืองเพชร ที่มีความงดงามและเอกลักษณ์เฉพาะตัว

8

สตรีทอาร์ตเมืองเพชรและมิตร ชัยบัญชา เติมสีสันให้ชุมชน

ฝั่งชุมชนคลองกระแชงมีสตรีทอาร์ตที่น่าสนใจอยู่สองจุด จุดแรกเป็นภาพวาดที่ถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์เมืองเพชรบุรีตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงปัจจุบัน ผ่านการออกแบบและลงสีอย่างสร้างสรรค์โดย ‘เซียมไท้’ (Ziam Type) กลุ่มนักออกแบบตัวอักษรชื่อดัง

ขณะที่จุดที่สองเป็นภาพวาดของศิลปินนักแสดงขวัญใจชาวไทย ‘มิตร ชัยบัญชา’ ผู้ฝากผลงานการแสดงไว้มากถึง 266 เรื่อง ก่อนจะจากไปในระหว่างถ่ายทำฉากสุดท้ายของภาพยนตร์เรื่องอินทรีทองในปี 2513 ถามว่าทำไมต้องเป็นภาพมิตร ชัยบัญชา? คำตอบก็คือ เพราะพระเอกผู้ยิ่งใหญ่นี้ มีพื้นเพเป็นคนจังหวัดเพชรบุรีนั่นเอง

7

สวนอนุสรณ์สุนทรภู่ รำลึกถึงนิราศเมืองเพชร

ระหว่างทางเดิน บริเวณท่าน้ำหลังวัดพลับพลาชัย จะพบกับ ‘สวนอนุสรณ์สุนทรภู่’ ซึ่งถือเป็นจุดที่กวีเอกเคยล่องเรือมาตามที่ปรากฏในบทประพันธ์นิราศเมืองเพชร อันเป็นนิราศเรื่องสุดท้ายของท่าน มีใจความตอนหนึ่งว่า “พอแดดร่มลมชายสบายจิต เที่ยวชมทิศทุ่งทางกลางวิถี ทั่วประเทศเขตแคว้นแดนพริบพรี (ชื่อเมืองเพชรบุรีในสมัยโบราI) เหมือนจะชี้ไปไม่พ้นแต่ต้นตาล”

จากจุดนี้จะเห็น ‘สะพานข้ามแม่น้ำเพชรบุรี’ แห่งใหม่ ซึ่งฝั่งตรงข้ามคือ ตลาดทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ (ตลาดสดริมน้ำ) โดยมุ่งเน้นออกแบบในรูปแบบศิลปะงานสกุลช่างเมืองเพชร เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจในการส่งเสริมการท่องเที่ยว รักษาวิถีชีวิตชาวชุมชนริมน้ำ และเชื่อมต่อชุมชนสองฝั่งริมแม่น้ำเพชรบุรีให้เป็นหนึ่งเดียว

6

พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่ วัดพลับพลาชัย หัวใจคือการอนุรักษ์

วัดพลับพลาชัยสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย แต่เดิมที่นี่ไม่ใช่วัด แต่เป็นพื้นที่สำหรับประชุมกองทัพและเป็นสนามฝึกซ้อมของเหล่าทหาร ทั้งยังมีพลับพลาที่ประทับตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำเพชรบุรีด้วย พอมีการสร้างวัดจึงได้เอาลักษณะของการใช้พื้นที่มาตั้งเป็นชื่อ “วัดพลับพลาชัย” เพื่อให้คนจำความสำคัญในอดีตได้

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของวัดแห่งนี้ต้องยกให้พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ในวิหารพระคันธารราฐ ที่เป็นสถานที่รวบรวมและจัดแสดงตัวหนังใหญ่โบราณมากถึง 32 ตัว อันเป็นผลงานของ ‘หลวงพ่อฤทธิ์’ เจ้าอาวาส และเหล่าบรรดาลูกศิษย์ลูหาที่ตั้งใจอนุรักษ์ศิลปะการแสดงแขนงนี้เอาไว้ให้ยังคงอยู่ในใจของผู้ที่มาเยี่ยมชมต่อไป                                               

เวลาเปิดปิด : นัดหมายล่วงหน้าเท่านั้น โทร. 08 6344 4418 (พี่น้อย)

5

ร้านระเบียงริมน้ำ ตามรอยภาพยนตร์และไกด์บุ๊ก

เรือนไม้สักอายุกว่า 120 ปี ริมแม่น้ำเพชรบุรีหลังนี้ เคยเป็นบ้านของคหบดีในอดีต ปัจจุบันปรับสภาพเป็นเกสต์เฮ้าส์และร้านอาหารในชื่อ “ระเบียงริมน้ำ” ซึ่งยังคงรักษาโครงสร้างและเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมเอาไว้อย่างดี โดยในยุคที่แบ็กแพ็กเกอร์เฟื่องฟู สถานที่แห่งนี้เคยได้รับการแนะนำใน Lonely Planet ไกด์บุ๊กชื่อดังจนกลายเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ก่อนจะกลับมาเป็นกระแสอีกครั้งในปี 2553 เมื่อถูกใช้เป็นโลเกชันถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่า…รัก จนมีแฟนหนังเดินทางมาตามรอยไม่ขาดสาย ด้านอาหาร ทางร้านเสิร์ฟเมนูพื้นบ้านเมืองเพชรแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นแกงคั่วหัวตาล ปลาดุกฟูผัดพริกขิง เขียวหวานปลากราย และอีกสารพัด เช่นเดียวกับ ‘ขนมตาล’ ขนมขึ้นชื่อของเมืองเพชร ที่เจ้าของร้านทำเองกับมือ                  

เวลาเปิดปิด : อังคาร-อาทิตย์ 10:00-00:00 น.

4

สะพานจอมเกล้า ตำนานสะพานช้างแห่งเมืองเพชร

หนึ่งในสะพานสำคัญข้ามแม่น้ำเพชรบุรีที่ชาวเพชรใช้สัญจรไปมาใจกลางเทศบาลเมืองเพชรบุรี เป็นสะพานประวัติศาสตร์ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในสมัยที่มีการก่อสร้างเขาวังหรือพระนครคีรี โดยความพิเศษของสะพานนี้ ไม่ได้อยู่แค่ในงานสถาปัตยกรรม แต่ยังอยู่ในพิธีเปิดสะพานที่ไม่เหมือนใคร เนื่องจากมีการนำช้าง 9 เชือกมาเดินข้ามสะพานเป็นการปฐมฤกษ์ และยังผูกช้างไว้บนสะพานตลอด 3 วัน 3 คืน เพื่อพิสูจน์ว่าสะพานแห่งนี้สามารถรองรับน้ำหนักมหาศาลได้จริง นับแต่นั้นมา ชาวบ้านจึงขนานนามสะพานแห่งนี้อีกชื่อหนึ่งว่า “สะพานช้าง”

2

ข้าวแช่แม่อร ขายมาตั้งแต่ปี 2524

ข้าวแช่เจ้าอร่อยประจำตลาดริมน้ำแห่งนี้ เป็นสูตรลับที่ตกทอดมาจากคุณยายของแม่อร ความที่เคยช่วยเป็นลูกมือของคุณยายมาตั้งแต่เด็ก แม่อรจึงซึมซับสูตรข้าวแช่และทำขายมาจนทุกวันนี้ โดยคงสูตรต้นตำรับของคุณยายที่ใส่ใจในทุกขั้นตอน

เริ่มตั้งแต่ข้าวที่ต้องเรียงเม็ดสวย ร่วนแต่นุ่ม ไม่แข็งหรือแฉะจนเกินไป ผ่านการขัดจนใสสะอาด ไม่มีเมือก ก่อนจะนำมาแช่ในน้ำอบที่ผสมทั้งน้ำอบควันเทียนและน้ำอบดอกมะลิ พร้อมลอยดอกกระดังงาเพิ่มความหอมสดชื่น ส่วนเครื่องข้าวแช่มีด้วยกันสามอย่างคือ เนื้อปลากระเบนผัดหวาน ลูกกะปิ และไซโป๊ผัดหวาน ซึ่งทุกอย่างล้วนต้องใช้ฝีมือและความชำนาญในการทำทั้งสิ้น เหมาะอย่างยิ่งทั้งกับการนั่งกินที่ร้านและซื้อกลับเป็นของฝาก

หมายเหตุ: ในกรณีที่ Google Maps พาเดินออกไปถนนใหญ่ แนะนำว่า ให้เดินลัดตลาดต่อไปเรื่อย ๆ เพราะร้านทอดมัน จุดหมายต่อไป ตั้งอยู่ไม่ไกล และถัดออกไปก็มีสตรีตอาร์ตให้ชื่นชมตลอดทาง

เวลาเปิดปิด : ทุกวัน 08:30-16:00 น.

3

ทอดมันแม่แดง เลือกวัตถุดิบเอง ทำเองกับมือ

ทอดมันเจ้าเก่าในตลาดริมน้ำ ส่งต่อความอร่อยจากรุ่นแม่สู่รุ่นลูกมาเกือบ 60 ปี เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่การคัดเลือกวัตถุดิบด้วยตัวเองทุกวัน เป็นเนื้อปลาอินทรีแท้ล้วน ๆ ไม่มีแป้งเจือปนให้เสียรสสัมผัส เช่นเดียวกับน้ำพริกที่นำมาตีรวมกับเนื้อปลาก็เป็นน้ำพริกเมืองเพชรแท้ ๆ เช่นกัน

เมื่อทอดเสร็จร้อน ๆ เนื้อจึงแน่น หนึบ ถึงเครื่องแกง เสิร์ฟพร้อมใบกะเพราทอดกรอบเพิ่มความหอม ในราคาเพียงชุดละ 30 บาท แต่ถ้าอยากลิ้มรสแบบฉบับคนเพชรแท้ ๆ ต้องลองจับคู่ทอดมันกับขนมจีน ราดน้ำอาจาดรสเปรี้ยวหวาน เผ็ดเล็กน้อย ใส่แตงกวาและถั่วป่นเพิ่มมิติของรสชาติ ถ้าไม่ได้ลอง เหมือนมาไม่ถึงเพชรบุรี               

เวลาเปิดปิด : ทุกวัน 08:00-16:00 น.

1

สะพานใหญ่และสตรีทอาร์ตชุมชนตลาดริมน้ำ ถ่ายรูปเพลินจนลืมเวลา

สะพานใหญ่ที่ทอดข้ามแม่น้ำเพชรบุรีบริเวณหน้าวัดมหาธาตุ เป็นอีกหนึ่งสะพานที่ใช้กันมาแต่โบราณ ก่อนเคยเป็นสะพานไม้ ต่อมาถูกไฟไหม้และน้ำท่วมหลากจนสะพานพังทลายลง จึงมีการใช้เรือโดยสารข้ามฟากอยู่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ จนในที่สุดทางเทศบาลเมืองเพชรบุรีได้ดำเนินการสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กขึ้นใหม่ โดยให้รถยนต์สามารถวิ่งขึ้นสะพานได้เหมือนเช่นที่เห็นในปัจจุบัน

จากสะพานใหญ่ หากเห็นเสาเหล็กสีแดงสะดุดตาที่มีป้าย “ตลาดริมน้ำเพชรบุรี” และป้าย WABU ติดอยู่ ถือเป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางเดินเที่ยว แนะนำให้สแกน QR Code และเดินตามทางไป จะพบกับภาพวาดสตรีทอาร์ตหลายสิบภาพเรียงรายตลอดระยะทางกว่า 400 เมตร

ภาพเหล่านี้สร้างสรรค์โดยศิลปินเมืองเพชร ถ่ายทอดเรื่องราวของชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีน ภาพบันทึกเหตุการณ์ตอนน้ำท่วม อาหารการกินขึ้นชื่ออย่างข้าวแช่ วิถีชีวิตภายในตลาด “น้องโตนด” มาสคอตประจำจังหวัดเพชรบุรี พระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวง รัชกาลที่ 9 รวมถึงภาพของน้องแมวจำนวนนับไม่ถ้วนที่คงทำเอาทาสแมวใจละลายได้ง่าย ๆ บนสะพานใหญ่นับเป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายภาพยอดนิยม โดยเฉพาะผู้ที่อยากได้ภาพที่มีพระปรางค์ 5 ยอดของวัดมหาธาตุเป็นฉากหลัง

9

MEJAI Jewelry Studio

A group of five young friends founded this interesting workshop to display the local expertise in Chanthaburi’s gem and jewelry craftsmanship, all while embracing a creative and contemporary lifestyle. It is the very first jewelry workshop studio in Chanthaburi Province. The studio is perfect for anyone passionate about creative works and wants to explore new experiences and exchange ideas with the local community.  Visitors can sign up for a workshop session to craft unique stone bracelets, resin jewelry, or rings for as little as 599 baht.

 Open: Tuesday-Sunday 10:00-17:30      

8

Rocket Ice Cream

Rocket Ice Cream is proud to be Chanthaburi’s first machine-operated ice cream factory. The company has been operating since 1959. It presents an appealing selection of ice cream, featuring bars, scoops, and cuts, accompanied by a variety of flavors such as milk pop, black sticky rice, durian, and blue Hawaii, among others. ‘Glazed Tile Ice Cream,’ made from a delicious blend of milk and coconut milk and finished with a coating of Thai tea syrup, is truly a must-try. The factory maintains its original character with the tagline ‘delicious, clean, and hygienic.’ The factory building features a Western-style design, constructed with mixed wood and decorated with intricately carved wooden vents. This style is classified as Sino-Portuguese architecture, showcasing the historical trade links with Singapore.

Open: Daily from 7:00 a.m. to 7:00 p.m.                              

7

Luang Rajamaitri Historic Inn

The historic house, standing proudly for a century, is the residence of Mr. Poom Punsri, also known as Luang Ratchamaitri. He began his journey as a merchant, following in the footsteps of his father, Luang Pramuan Ratchasap, who was both a tax collector and a merchant. Luang Ratchamaitri traveled to Penang under his father’s guidance to pursue his studies and went on to establish groundbreaking rubber plantations in Chanthaburi, ultimately achieving prosperity and earning the title of ‘Father of Eastern Rubber.’ The property has been transformed into a 10-room hotel, aiming to preserve heritage while engaging in sustainable business practices, under the management of Chanthaburi Rakdee Co., Ltd. Room rates start at just 1,690 baht.                                           

6

Chaloem Chan Coffee Shop

A vintage coffee shop in Chanthaburi, known as the “Chaloem Chan Coffee Shop,” has been open for over 70 years due to its location near the former Chalerm Chan Cinema. The owner shared that calamansi is a key ingredient in the Vietnamese Chanthaburi cuisine.  Due to the abundance of produce, they decided to experiment with creating a beverage, ultimately becoming the pioneer in Chanthaburi with their unique calamansi juice recipe. The drinks have become incredibly popular all over the city. The shop’s best-selling menu item is the calamansi soda, which costs only 30 baht per glass.

Open: Daily from 7:30 a.m. to 5:00 p.m.              

5

Jang Guang An Medicine Shop

In the past, medicines were transported from China to Hong Kong, then to Bangkok, and ultimately to Chanthaburi. The first famous Chinese medicine shop in Chanthaburi has a history spanning over a century. Today, Jang Guang An Medicine Shop sells various Chinese and Thai herbs. The fourth-generation Hakka Chinese heir continues to manage the business in the same way as the generations before them. The shop largely maintains its charming character, showcasing equipment used for selling Chinese medicine, such as ancient medicine cabinets, medicine scales, brass mortars, and medicinal cutting knives, among other items. The ‘Shaking Inhaler’ is a popular tourist attraction, made by the shop owner right in front of you, letting you take home a freshly mixed bottle.

Open: Daily from 7:00 a.m. to 6:00 p.m.

4

Punyashthiti Villa

Punyashthiti Villa is a handsome historical Chinese pavilion-style building that is between 120 and 150 years old. At first glance, it looks like a cozy single-story house, but step inside and you’ll be surprised to find a spacious three-story building, complete with a charming riverside house in the back. The house features a distinctive structure made of half concrete and half wood. The current owner of the house is the seventh-generation heir actively participating in the conservation and restoration initiative for the Chanthaburi riverside community. The owner used family funds for renovations and granted the right to Chanthaburi Rakdee Co., Ltd. to manage the space as a hotel. In total, there are five rooms. Starting prices are at 3,000 baht.

Visitors can explore the front zone of Bunyathiti Villa, which is open as an exhibition across all three floors at no cost. The first floor showcases the house’s restoration and is also the location of a charming riverside cafe named “Chong Dee by C.A.P.” The second floor covers the history of the Bunyathiti family, and the third floor highlights Chanthaburi Province. It acts as a vibrant hub for travelers, students, and any active learners.

Open: Daily from 09:00 to 17:00.

3

Community Learning Center

A charming half-timbered residence, over a century old, has been generously made available by its owner, Pol. Col. Boonprim Patiruphanusorn, for the benefit of community activities. A workshop on the ground level invites visitors to create herbal-scented sachets, celebrating Chanthaburi’s rich history as a hub for spice trading and distribution. On the upper floor, an exhibition awaits visitors to the Chanthaburi riverfront village, offering insights into the community’s history, the identities of its inhabitants, their origins, and the significant architecture that defines the area. This learning center also made an effort to preserve the original architectural style, showcasing a blend of Thai, Chinese, and European influences.    

Open: Sat-Sun 09.30-17.30

10

Wat Bot Muang

The temple is located on Benchamarachuthit Road, near the Chanthaburi River, on top of a high hill that is exactly aligned with the previous city hall. The white sandstone sema stone, the ordination hall, and the Sri Lankan-style pagoda that houses the Buddha’s relics all point to a late Ayutthaya period construction. A lintel portraying Indra riding an Erawan elephant was discovered in a glass pavilion, demonstrating the essence of late Bapuan art. As you leave the temple, take in the beautiful backdrop of the Chanthaburi riverfront neighborhood, which includes a spectacular golden Sri Lankan-style pagoda tucked among quaint vintage houses. A short stroll to the Chanthanaram Temple Bridge will reward you with a view that is sure to bring you joy.

1

International Gems Market

Chanthaburi is known as the “City of Gems” for its many gem mines and skilled lapidaries. A renowned spot in the Chanthaburi Riverside Community is the International Gem Market, which locals commonly call the “Gem Market.” The area encompassing Soi Krachang and Srichan Road is recognized as a vital economic path in the province, featuring more than 120 shops specializing in lapidary, gems, and gold. Today, the lively scene of gem trading is unmistakable, with both Thai and foreign traders and buyers coming together, offering an exciting experience for tourists.                          

Open: Every Friday and Saturday 10:00-16:00.

7

Niramol Bridge

In the past, the only way to cross the Chanthaburi River in front of the cathedral was through rowboats or hired boats. People used this mode of transportation to reach the temple to attend religious ceremonies, go to schools, visit friends and family, and participate in business activities. The first bridge linking both sides of the Chanthaburi River was built in 1975. In 2003, an unexpected disaster occurred as the bridge gave way while efforts were underway to clear the weeds. A new bridge called “Saphan Niramon” was built at the same spot and officially opened two years later. This bridge acts as a connection between the beliefs of the communities on both sides of the river and has turned into a popular destination for tourists today. 

6

Jay Nong Noodle

A famous noodle shop in the Tha Ruea Chang Neighborhood, it has been serving customers for over 50 years. It has originally been praised for its pork and beef Liang noodles, a unique culinary tradition of the Chanthaburi people, known for its rich and aromatic herbal soup, which features bustard cardamom, a relative of ginger and turmeric, complemented by pineapple and pickled garlic, and roasted shrimp paste. It is incredibly rich and profoundly satisfying. Recently, the red pork noodles, known locally as “moo yeum,” have become quite the sensation. However, if you try both…they might just be the best.

Hours of operation: 08:30 to 14:30. Closed on Wednesday and Thursday.

Along the way    

As you journey from Je Nong’s to the Cathedral, be sure to look to your right. A sapodilla tree is nicely spreading its branches. During the season, you may come across  sapodilla fruits. You might be surprised to learn that this sapodilla tree is actually 300 years old! It can be said that it emerged alongside the community.

5

Tha Ruea Chang Street Art

Over 40 stunning pieces of street art portray the vibrant story of Chanthaburi province, along with the Catholic Church and Ban Tha Ruea Chang neighborhoods. The focal piece highlights the intriguing history of the Cathedral of the Immaculate Conception, showcasing its progression from the original wooden structure to the current fifth establishment, characterized by the impressive Western-style architecture. Additionally, the street art shows the well-known identity of Chanthaburi Province, various types of fruit, and the rabbit in the moon, which reflects the beauty, tranquility, and charm of this delightful region.

4

Sai Diew Grilled Banana

For over 20 years, the grilled banana from this shop has been a beloved snack in the Ban Tha Ruea Chang community. The shop uses a special selection of large, ripe bananas, grilling them to perfection and pounding them until they reach a delightful softness. A unique recipe is the sauce made from cane sugar, a celebrated specialty of Nong Bua Subdistrict, which is then simmered using traditional techniques. Each bite presents a wonderful flavor and aroma, beautifully combined with a touch of salted coconut milk.  

Open daily from 09:00 AM to 14:00.                

3

Loong Tui Roman Grilled Pork and Beef

Despite its recent opening, Uncle Tui’s has quickly gained fame on social media, thanks to many food influencers who have shared their positive reviews. Uncle Tui’s grilled beef and pork boasts a unique taste that is hard to find elsewhere. His secret starts with selecting the perfect ingredients. Every type of meat ought to have a touch of fat. The pork should be sourced from the neck, while the beef should come from the sirloin tri-tip. Next, it is marinated and infused with herbs in the authentic Vietnamese style found in the Church neighborhood, featuring bustard cardamom, pepper, garlic, and cane sugar. The dish is baked to perfection and then grilled over charcoal to create the irresistible aroma.

Open daily from 06:00 AM to noon.     

2

Pipittha Kangkhen House

Father Chalerm Kitmongkol has been traveling through several countries since 1987, gathering a significant collection of crosses that represent God’s love and mercy for everyone, as well as rosaries and images of the Virgin Mary. The existing collection of more than 1,500 crosses is anticipated to be the most extensive in Thailand. The oldest one is over a century old. Included in the collection are unique pieces, such as a cross made from salt, hailing from the Catedral de Sal de Zipaquirá, a church nestled within a salt mine in Colombia.

Open: Available by appointment only. Please call 08 9096 2567.    

1

Cathedral of the Immaculate Conception

Built during the Ayutthaya period by Vietnamese escaping Christian persecution in Vietnam and moving to Chanthaburi, this cathedral, now in its fifth iteration, features a striking Gothic architectural style, highlighted by the spire on the bell tower. Inside, there are stunning stained glass depictions of saints and a hardwood Noah’s Ark-inspired ceiling design. The Virgin Mary, decorated with 200,000 gems and valued at over 10 million baht, stands out as the most captivating feature, crafted through the collaboration of the people of Chanthaburi. This Catholic church is celebrated as one of the oldest and most beautiful in Thailand, having been honored with the Outstanding Building Conservation Award in 1999 from the Association of Siamese Architects under Royal Patronage.

Hours of operation: Monday to Saturday from 09:00 to 12:00 and 13:00 to 15:00, and on Sunday from 12:00 to 16:00.                       

Note: Please remember to dress appropriately; pants or skirts should cover the knees. Capturing images of individuals inside the cathedral is not allowed.

2

ขนมไข่ป้าไต๊

เดิมเรียกขนมฝรั่งเนื่องจากสูตรและวิธีทำต่าง ติดมากับบาทหลวงชาวฝรั่งเศสที่อพยพมากับชาวญวนรุ่นแรกที่เข้ามาในจันทบุรี ก่อนจะถ่ายทอดสูตรจากรุ่นสู่รุ่นและมาตกอยู่กับป้าไต๊ โดยใช้ส่วนผสมเพียง 3 อย่างเท่านั้น คือ ไข่ แป้ง และน้ำตาล สำหรับขนมไข่ป้าไต๊ถือเป็นเจ้าต้นตำรับ เจ้าดั้งเดิมของชุมชน ขายมานานกว่า 70 ปี ความโดดเด่นคือ ทำสดใหม่ออกจากเตาทุกวัน และเป็นขนมไข่ที่ไม่มีท็อปปิ้งตามสมัยนิยม เพราะป้าไต๊บอกว่าอยากให้คนที่เคยกินตอนเด็ก กลับมาแล้วยังได้กินรสเดิม

เปิดบริการ: ทุกวัน 10:00-17:00 .

3

ศูนย์เรียนรู้ประจำชุมชน บ้านเลขที่ 69

อาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ อายุกว่า 100 ปี ที่ ..หญิงบุญพริ้ม ปฏิรูปานุสร เจ้าของบ้าน ได้กรุณาให้ใช้ประโยชน์เพื่องานชุมชน ชั้นล่าง มีกิจกรรมเวิร์กช็อปทำถุงหอมสมุนไพรซึ่งล้อมาจากการเป็นแหล่งซื้อขายและกระจายเครื่องเทศที่สำคัญในอดีตของเมืองจันท์ ขณะที่ชั้นบน จัดแสดงนิทรรศการให้คนที่มาเที่ยวชุมชนริมน้ำจันทบูรได้รู้ว่า ชุมชนแห่งนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร? คนที่อยู่ในชุมชนเป็นใครมาจากไหน? สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นในชุมชนมีอาคารไหนบ้าง? มากไปกว่านั้น ศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ยังพยายามอนุรักษ์รูปแบบอาคารดั้งเดิมที่มีการผสมผสานระหว่างแบบไทย จีน และยุโรป เอาไว้อย่างดีอีกด้วย

เปิดบริการ: เสาร์อาทิตย์ 09.30-17.30 .

4

บุณยัษฐิติ วิลล่า

บุณยัษฐิติ วิลล่า อาคารเก่าทรงเก๋งจีนที่มีอายุราว 120-150 ปี มองจากด้านหน้าคล้ายบ้านชั้นเดียว แต่พอเข้าไปด้านในจะพบว่า มีลักษณะพิเศษเป็นอาคาร 3 ชั้น และมีเรือนริมน้ำด้านหลัง เป็นเรือนครึ่งปูนครึ่งไม้ เจ้าของบ้านปัจจุบันเป็นทายาทรุ่นที่ 7 ซึ่งได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูชุมชนริมน้ำจันทบูร โดยเจ้าของบ้านลงทุนบูรณะบ้านด้วยทุนทรัพย์ของครอบครัว และให้ทางบริษัท จันทบูรรักษ์ดี จำกัด มาเช่าพื้นที่ของอาคารทำเป็นโรงแรม โดยมีห้องพักทั้งหมด 5 ห้อง ราคาเริ่มต้นที่ 3,000 บาท

โซนด้านหน้าของบุณยัษฐิติ วิลล่า เปิดเป็นนิทรรศการให้เยี่ยมชมได้ทั้ง 3 ชั้น โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ชั้นล่างสุดเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับการบูรณะบ้าน ชั้นที่ 2 เกี่ยวกับประวัติครอบครัวบุณยัษฐิติ และชั้นที่ 3 เกี่ยวกับประวัติของจังหวัดจันทบุรี เป็นแหล่งเรียนรู้เล็ก ให้กับนักท่องเที่ยว นักเรียน นักศึกษา รวมถึงผู้ที่สนใจทั่วไป เข้าเยี่ยมชมได้ทุกวัน ตั้งแต่ 09:00-17:00 . แล้วก็มีโซนที่เป็นคาเฟ่ริมน้ำภายใต้ชื่อชงดี by C.A.P” เปิดให้บริการด้วย

5

ร้านขายยาจังกวงอัน

ร้านขายยาจีนที่มีชื่อเสียงร้านแรก ในเมืองจันทบุรี มีอายุกว่า 100 ปี โดยการขนส่งยาในสมัยนั้น จะขนส่งทางเรือจากเมืองจีน ผ่านฮ่องกง กรุงเทพฯ และลำเลียงเข้ามาที่จันทบุรี ปัจจุบันร้านขายยาจังกวงอัน จำหน่ายสมุนไพรจีนควบคู่กับสมุนไพรไทย มีทายาทรุ่นที่สี่ชาวจีนแคะเป็นผู้สืบทอดกิจการ สภาพร้านส่วนใหญ่ยังคงสภาพเหมือนในอดีต ทั้งเครื่องมือและเครื่องใช้ในการขายยาจีน เช่น ตู้ยาโบราณ เครื่องชั่งยา ครกตำยาทองเหลือง มีดหั่นยา ฯลฯ มีสินค้าขึ้นชื่อในหมู่นักท่องเที่ยวคือยาดมเขย่าที่เจ้าของร้านผสมให้ชมสด ให้พากลับบ้านกันแบบขวดต่อขวด

เปิดบริการ: ทุกวัน 07:00-18:00 .

6

กาแฟตั้งหมงเซ้ง

ร้านกาแฟโบราณคู่เมืองจันท์ ที่มีอายุยาวนานกว่า 70 ปี หรือที่คนพื้นที่เรียกว่าร้านกาแฟเฉลิมจันท์เนื่องจากทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้กับอดีตโรงหนังเฉลิมจันท์นั่นเอง ส่วนที่มาที่ไปของเมนูน้ำมะปี๊ดนั้น เจ้าของร้านเล่าว่า มะปี๊ด หรือส้มจี๊ดเป็นวัตถุดิบที่คนจันท์เชื้อสายญวนนิยมเอาไปทำอาหาร แต่ด้วยความที่มีผลผลิตเยอะเลยทดลองเอามาคั้นทำเป็นเครื่องดื่ม นับเป็นเจ้าแรกของเมืองจันท์จนได้รับความนิยมไปทั่วบ้านทั่วเมืองในปัจจุบัน โดยทีเด็ดของทางร้านอยู่ที่เมนูส้มจี๊ดโซดา ราคาแก้วละ 30 บาทเท่านั้น

เปิดบริการ: ทุกวัน 07:30-17:00 .

7

บ้านหลวงราชไมตรี

บ้านโบราณอายุ 100 กว่าปี เป็นบ้านพักของนายปูม ปุณศรี หรือหลวงราชไมตรี ซึ่งเดิมเป็นพ่อค้าวาณิช ทำธุรกิจค้าขายสืบทอดจากคุณพ่อ หลวงประมวลราชทรัพย์ นายอากรเก็บส่วยและทำธุรกิจค้าขายด้วย หลวงราชไมตรีติดตามคุณพ่อไปเรียนหนังสือที่ปีนัง และมาบุกเบิกปลูกยางพาราที่จันทบุรีจนประสบความสำเร็จและได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งยางพาราภาคตะวันออกปัจจุบันบ้านหลังนี้ได้รับการปรับปรุงให้เป็นโรงแรมที่พักขนาด 10 ห้อง ด้วยแนวคิดการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมและทำธุรกิจเพื่อความยั่งยืนภายใต้การดูแลของบริษัท จันทบูรรักษ์ดี จำกัด โดยราคาห้องพักเริ่มต้นที่ 1,690 บาท

8

ไอศครีมตราจรวด

ไอศครีมตราจรวดเป็นโรงงานผลิตไอศกรีมด้วยเครื่องจักรแห่งแรกของจันทบุรี เปิดทำการมาตั้งแต่ปี 2502 สร้างสรรค์ไอศกรีมหลายรูปแบบ ทั้งแบบแท่ง ตัก และตัด และหลากรสชาติ อาทิ ป๊อบนม ข้าวเหนียวดำ ทุเรียน บลูฮาวาย ฯลฯ แต่ที่ใครมาแล้วต้องไม่พลาดคือไอศกรีมกระเบื้องเคลือบไอศกรีมซิกเนเจอร์นมผสมกะทิเคลือบด้วยไซรัปชาไทย ปัจจุบันทางโรงงานยังคงเอกลักษณ์แบบดั้งเดิมไว้ พร้อมสโลแกนรสอร่อย สะอาด ถูกหลักอนามัยนอกจากนี้ ตัวอาคารที่ตั้งยังเป็นตึกผสมไม้แบบฝรั่ง ช่องลมฉลุไม้ลวดลายสวยงาม จัดอยู่ในกลุ่มอาคารปูนตามแบบสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสที่ได้รับอิทธิพลจากการติดต่อค้าขายสินค้ากับสิงคโปร์ในอดีต

เปิดบริการ: ทุกวัน 07:00-19:00 .

9

มีใจ สตูดิโอ

สตูดิโอเล็ก แห่งนี้ก่อตั้งโดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ 5 คน ที่อยากต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นของช่างทำพลอย ช่างทำเครื่องประดับเมืองจันท์ให้อยู่ร่วมกับวิถีใหม่อย่างสร้างสรรค์ นับเป็นสตูดิโอเวิร์กช็อปทำเครื่องประดับแห่งแรกของจังหวัดจันทบุรี เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจงานคราฟต์และต้องการได้รับประสบการณ์ใหม่ พร้อมแลกเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อจิวเวลรี่กับคนท้องถิ่น โดยนักท่องเที่ยวสามารถเลือกคอร์สทำกำไลหิน เครื่องประดับจากเรซิ่น หรือแหวนด้วยตัวเองในแบบที่มีชิ้นเดียวในโลกได้ ในราคาเริ่มต้นเพียง 599 บาทเท่านั้น

เปิดบริการ: อังคารอาทิตย์ 10:00-17:30 .

10

วัดโบสถ์เมือง

ตั้งอยู่บนเนินสูงระดับเดียวกับที่ตั้งศาลากลางหลังเก่าบนถนนเบญจมราชูทิศ ติดกับแม่น้ำจันทบุรี สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย สังเกตได้จากใบเสมาหินทรายขาว พระอุโบสถ และเจดีย์ทรงลังกาบรรจุพระบรมธาตุ นอกจากนี้ ยังมีการค้นพบทับหลังรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณในซุ้มเรือนแก้วอันเป็นศิลปะบาปวนตอนปลายอีกด้วย เมื่อออกจากวัด หากอยากเห็นภาพของชุมชนริมน้ำจันทบูรที่มีเจดีย์ทรงลังกาสีทองอร่ามแวดล้อมด้วยอาคารบ้านเรือนแบบโบราณ แนะนำให้เดินต่อมาอีกนิดที่สะพานวัดจันทนารามก็จะได้เห็นภาพนั้นสมใจ

เปิดทำการ: ทุกวันศุกร์และเสาร์ 10:00-16:00 .

2

ศาลเจ้าปุ่นเท่ากง-ปุ่นเท่าม้า

ศาลเจ้าพ่อหลังนี้ สันนิษฐานว่า บรรพบุรุษชาวจีนได้สร้างขึ้นเมื่อ 200 ปีมาแล้ว จนเมื่อ 60 ปีที่แล้วมาก็ชำรุดทรุดโทรมลงตามกาลเวลา จนกระทั่งหาร่องรอยศาลเดิมแทบไม่ได้ กระทั่งปี 2515 โป๊ยเซียนโจวซือได้เข้าประทับทรงแล้วบอกว่า เดิมทีศาลเก่าหลังนี้มีวิญญาณของเจ้าพ่อและเจ้าแม่ประทับอยู่ด้วยกันสององค์ จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นและบอกบุญแก่ผู้มีจิตศรัทธา เพื่อร่วมกันสละทรัพย์และแรงกายช่วยกันสร้างศาลหลังใหม่จนแล้วเสร็จ และได้ทำพิธีเปิดและอัญเชิญเจ้าพ่อเจ้าแม่ประทับในศาลหลังใหม่ มีบทโคลงภาษาจีนซึ่งแปลเป็นไทย มีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่าข้าได้ประทับอยู่ในศาลนี้กับเจ้าแม่มาเป็นเวลานานปี เพื่อปกป้องคุ้มครองและขจัดภยันอันตรายต่าง ๆ ให้ปวงประชาเป็นที่สำหรับอนุชนรุ่นหลัง จะได้สักการะบูชา สืบต่อไปชั่วกาลนาน

3

ศาลเจ้าโจวซือกง

ศาลเจ้าเก่าแก่คู่เมืองจันทบุรีและชาวชุมชนริมน้ำจันทบูร มีประวัติยาวนานเกินร้อยปี ได้รับการบูรณะซ่อมแซมและขยายพื้นที่ใช้สอยจากชาวบ้านที่มีจิตศรัทธาและกรรมการในรุ่นก่อน ๆ หลายรุ่น ภายในศาลมีเทพเจ้าให้ไหว้ขอพร 3 องค์ ได้แก่ เซ็งจุ้ยโจวซือกง มีความเชื่อในการขอพรให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ เอียงเทียนเสี่ยงตี่ (ตั้วเล่าเอี๊ย) เป็นเทพแห่งทรัพย์ กราบไหว้เพื่อเสริมบารมี มั่งมี โชคลาภ และเจ้าแม่จูแซเนี่ยวเนี้ยว มีความเชื่อในเรื่องการขอบุตร หรือคนที่กำลังตั้งครรภ์และอยากได้รับความคุ้มครองให้ครรภ์แข็งแรง คลอดบุตรง่าย แนะนำให้มาขอพรกับเจ้าแม่

1

ศาลเจ้าแม่กวนอิมและศาลเจ้าตั้วเล่าเอี๊ย

ศาลเจ้าตั้วเล่าเอี๊ย ตั้งอยู่บนเนินริมถนนสุขาภิบาล หันหน้าไปทางแม่น้ำจันทบุรี เป็นที่เคารพสักการะของชาวไทยเชื้อสายจีนและผู้คนในจังหวัดจันทบุรีมาช้านาน ภายในศาลมีเทพเจ้าประทับอยู่ 3 องค์ ได้แก่ องค์ตั้วเล่าเอี๊ย หรือเจ้าพ่อเสือ (เทพแห่งทรัพย์) องค์ฮกเต็กเล่าเอี๊ย (พระภูมิเจ้าที่) และองค์ไชซิงเล่าเอี๊ย (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ) โดยทุกปีทางศาลจะมีขบวนแห่เทพเจ้าทั้งสามองค์ไปตามท้องถนน เพื่อนำโชคลาภประทานพรให้แก่ชาวจันทบุรี โดยมีคณะมังกรทองเป็นผู้ติดตาม ใกล้กันเป็นที่ตั้งของอีกหนึ่งศาลเจ้าเก่าแก่ อย่างศาลพระโพธิสัตว์กวนอิม ที่ผู้คนนิยมมาขอพรเรื่องความรัก ขอลูก และหน้าที่การงาน

1

ตลาดกลางพลอยนานาชาติ

จันทบุรีเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นเมืองแห่งอัญมณี’ (City of Gems) เนื่องจากเป็นที่ตั้งของบ่อพลอย เหมืองพลอย รวมถึงมีช่างเจียระไนฝีมือดีอยู่เป็นจำนวนมาก โดยบริเวณชุมชนริมน้ำจันทบูรเป็นอีกหนึ่งที่ตั้งของสถานที่สำคัญอย่างตลาดกลางพลอยนานาชาติ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันสั้น ว่าตลาดพลอยซึ่งบริเวณซอยกระจ่างและถนนศรีจันท์ นับเป็นถนนเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัด เพราะเป็นที่ตั้งของร้านเจียระไนพลอย ร้านค้าอัญมณี ร้านทองรูปพรรณ มากกว่า 120 ร้าน ทุกวันนี้เรายังสามารถเห็นบรรยากาศการซื้อขายพลอยอันคึกคักที่มีผู้ค้าและผู้รับซื้อทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับนักท่องเที่ยว

เปิดทำการ: ทุกวันศุกร์และเสาร์ 10:00-16:00 .

2

บ้านพิพิธกางเขน

นับตั้งแต่ปี 2530 เมื่อบาทหลวงเฉลิม กิจมงคล มีโอกาสได้เดินทางไปยังต่างประเทศในหลาย ๆ ประเทศ จึงได้เก็บรวบรวมและสะสมไม้กางเขน สัญลักษณ์แทนความรักและความเมตตาของพระเจ้าที่ทรงมีต่อมนุษย์ทุกคน ทั้งขนาดเล็ก ใหญ่ รวมถึงลูกประคำและรูปเคารพของพระแม่มารี จนปัจจุบันมีมากกว่า 1,500 อัน ซึ่งคาดว่าน่าจะมากที่สุดในประเทศไทย โดยอันที่เก่าแก่ที่สุด มีอายุกว่า 100 ปี ส่วนอันที่แปลก ๆ ก็มีให้เห็น อย่างกางเขนทำจากเกลือที่นำมาจาก Catedral de Sal de Zipaquirá โบสถ์ในเหมืองเกลือ ประเทศโคลอมเบีย เป็นต้น

เปิดบริการ: นัดหมายล่วงหน้าเท่านั้น (โทร. 08 9096 2567)

3

หมู/เนื้อย่างโรมันลุงตุ๋ย

แม้เพิ่งเปิดได้ไม่นาน แต่ตอนนี้ลุงตุ๋ยกำลังดังไกลในโลกโซเชียล หลังมีอินฟลูฯ สายกินมารีวิวกันนับไม่ถ้วน ที่เป็นอย่างนั้น เพราะรสแบบนี้ใช่ว่าจะหากินได้ทั่วไป โดยเคล็ดลับของลุงตุ๋ยเริ่มที่การคัดเลือกวัตถุดิบ ที่เนื้อแต่ละชนิดต้องติดมันมาด้วยเล็กน้อย เนื้อหมูต้องเป็นส่วนสันคอ เนื้อวัวต้องตรงหางตะเข้ หลังจากนั้นจึงนำไปหมักไปคลุกด้วยเครื่องสมุนไพรตามแบบฉบับคนญวนหลังวัดคาทอลิก ที่ประกอบด้วยข่า พริกไทย กระเทียม และน้ำตาลอ้อย แล้วจึงนำไปอบให้สุก ก่อนนำมาย่างอีกครั้งด้วยเตาถ่านให้ได้กลิ่นหอม รักษาไฟด้วยขี้เถ้า หมุนไปมาให้สุกโดยทั่ว

เปิดบริการ: ทุกวัน 06:00-12:00 .

4

กล้วยปิ้งสายเดี่ยว

ร้านขายกล้วยปิ้งประจำชุมชนบ้านท่าเรือจ้าง เป็นของกินเล่นขึ้นชื่อของชุมชน ขายมากว่า 20 ปี โดดเด่นด้วยการเลือกกล้วยน้ำว้าลูกโต ๆ สุกพอดีกิน นำไปย่างอุ่น ๆ ทุบให้นุ่ม ส่วนที่เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างคือ น้ำราดที่ทำจากน้ำตาลอ้อยเคี่ยวแบบโบราณ ของดีของเด่น ต.หนองบัว ให้รสหวานและกลิ่นหอม ผสมกับน้ำกะทิที่ออกเค็มนิด ๆ เวลากิน ป้าตุ้มบอกให้จิ้มชิ้นก้น ๆ ถุง จะได้เซิ่บ ๆหรือภาษากลางก็คือชุ่ม ๆนั่นเอง

เปิดบริการ: ทุกวัน 09:00-14:00 .

5

สตรีทอาร์ตท่าเรือจ้าง

สตรีทอาร์ตที่บอกเล่าเรื่องราวของชุมชนหลังวัดคาทอลิก ชุมชนบ้านท่าเรือจ้าง และจังหวัดจันทบุรีกว่า 40 ภาพ โดยมีไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ภาพความเป็นมาของการสร้างอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมลตั้งแต่หลังแรกที่เป็นไม้จนมาถึงหลังปัจจุบัน หลังที่ 5 ที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก รวมถึงเรื่องราวอัตลักษณ์ของจังหวัดจันทบุรี ไม่ว่าจะเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องผลไม้ หรือแม้แต่รูปกระต่ายในดวงจันทร์ ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัดของจันทบุรี อันสื่อถึงความสวยงาม เยือกเย็น ละมุนละไม และร่มเย็นเป็นสุขของภูมิภาคนี้

6

ก๋วยเตี๋ยวเจ๊น้อง

ก๋วยเตี๋ยวร้านดังของชุมชนท่าเรือจ้าง ขายมานานกว่า 50 ปี แต่ก่อนขึ้นชื่อเรื่องก๋วยเตี๋ยวหมูเลียง เนื้อเลียง อีกหนึ่งรากรสชาติพันธุ์ของคนเมืองจันท์ที่โดดเด่นด้วยน้ำซุปสมุนไพรรสกลมกล่อม มีเร่ว (พืชวงศ์เดียวกับขิง ข่า) สับปะรด กระเทียมดอง และกะปิเผาเป็นส่วนผสมสำคัญ เข้มข้นถึงใจ แต่หลัง ๆ มานี้ ก๋วยเตี๋ยวหมูแดงที่คนในละแวกเรียกกันว่าหมูเยิ้มกลับมาแรงแซงทางโค้ง แต่ถ้าได้ชิมทั้งสองชามอาจเป็นดีที่สุด        

Along the way ระหว่างร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊น้องกลับไปยังอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล อย่าลืมสังเกตทางขวามือ จะเห็นต้นละมุดแผ่กิ่งก้านสาขา หรือถ้าไปตรงฤดูอาจได้เห็นผลละมุดด้วย ซึ่งถ้าไม่มีใครบอก อาจไม่รู้ว่า ต้นละมุดต้นนี้มีอายุเก่าแก่ถึง 300 ปี! เรียกได้ว่า เกิดมาพร้อมกับชุมชนเลยทีเดียว

เปิดบริการ: 08.30-14.30 . หยุดทุกวันพุธและพฤหัสบดี

7

สะพานนิรมล

การเดินทางข้ามฟากแม่น้ำจันทบุรีบริเวณหน้าวัดคาทอลิกในอดีต มีทางเดียวคือ เรือแจว เรือจ้าง ทั้งการไปวัดเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ไปโรงเรียน การเดินทางไปมาหาสู่กันและค้าขายต่าง ๆ จวบจนปี 2518 จึงมีการสร้างสะพานเชื่อมสองฝั่งแม่น้ำจันทบุรีขึ้นครั้งแรก แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นในปี 2546 เมื่อสะพานเกิดหักขณะดึงกอสวะออก ต่อมามีการสร้างสะพานใหม่ ณ จุดเดิม ชื่อว่าสะพานนิรมลเปิดใช้ในอีกสองปีถัดมา นับเป็นสะพานเชื่อมศรัทธาชุมชนสองฝั่งน้ำและเป็นจุดเช็กอินยอดนิยมของนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน

1

อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล

สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาโดยชาวญวนที่หนีการเบียดเบียนคริสต์ศาสนิกชนในเวียดนามมาอยู่ที่จันทบุรี อาสนวิหารแห่งนี้ซึ่งเป็นโบสถ์หลังที่ 5 นับตั้งแต่มีการก่อสร้างครั้งแรก มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบกอทิก สังเกตได้จากยอดแหลมบนหอระฆัง ภายในมีภาพนักบุญประดับกระจกสีแบบสเตนกลาส ตกแต่งเพดานเป็นท้องเรือไม้โนอาห์ ส่วนไฮไลต์ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ องค์พระแม่มารีประดับพลอย 2 แสนเม็ด มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท อันเกิดจากความร่วมใจของชาวเมืองจันทบุรี โดยโบสถ์คาทอลิกแห่งนี้ได้ชื่อว่าเก่าแก่และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ทั้งยังได้รับรางวัลอนุรักษ์อาคารดีเด่น ประจำปี 2542 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์อีกด้วย                                          

ด้านหลังโบสถ์เป็นที่ตั้งของตลาดร้อยปีตลาดเช้าของชุมชน เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 05:00-09:00 . ซึ่งในบริเวณเดียวกันยังมีภาพวาดสตรีทอาร์ตเล่าเรื่องราวของชุมชนชาวคาทอลิกเชื้อสายญวน ไม่ว่าจะเป็นภาพพระเยซูในวัยเยาว์ ภาพพระเยซูตรึงกางเขน ภาพนักบุญ หรือแม้แต่ภาพของคนในชุดอ๋าวหญ่าย ชุดประจำชาติเวียดนาม

เวลาเปิดปิด:
จันทร์เสาร์ 09:00-12:00 .
และ 13:00-15:00 .
/
อาทิตย์ 12:00-16:00 .          

หมายเหตุ: แต่งกายสุภาพ กางเกงหรือกระโปรงคลุมเข่า และไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพบุคคลภายในอาสนวิหาร

Wabu001 ezgif.com resize