

เมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว กลุ่มผู้ปกครองเมืองสกลนครในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้กีดกันการนับถือศาสนาคริสต์ ทำให้กลุ่มชาวคริสตังร่วมกันต่อเรือและแพไม้ไผ่ขนาดใหญ่อพยพออกจากตัวเมืองสกลนคร และอธิษฐานเทวดามีคาแอลขอให้พบแผ่นดินที่เหมาะแก่การเผยแผ่คริสต์ศาสนา กระทั่งกระแสลมพัดแพมาขึ้นยังอีกฝั่งของทะเลสาบหนองหารและได้ตั้งชุมชนใหม่ขึ้นเรียกว่า “ท่าแร่” ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นชุมชนคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นอกจากความสำคัญดังกล่าวแล้ว บ้านท่าแร่ยังมีผังเมืองเป็นตารางหมากรุก และมีบ้านเรือนสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกที่สวยงามเรียงรายอยู่สองข้างทางในหมู่บ้าน และเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายการท่องเที่ยวของสกลนครที่พลาดไม่ได้



1
อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล










อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล
ท่าแร่ อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่ เป็นโบสถ์ขนาดใหญ่รูปทรงคล้ายเรือ เพื่อระลึกถึงการใช้เรือและแพในการอพยพจากตัวเมืองสกลนครมาตั้งถิ่นฐานใหม่ยังบ้านท่าแร่ ปัจจุบันนับเป็นหมู่บ้านที่มีจำนวนผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกมากที่สุดในประเทศไทย มีจุดที่น่าสนใจภายใน ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ที่เล่าเรื่องราวความเป็นมาของชุมชนคาทอลิกท่าแร่ พระรูปแกะสลักหินอ่อนอัครเทวดามีคาแอลจากประเทศอิตาลี ระฆังที่หล่อขึ้นในประเทศฝรั่งเศสซึ่ง่มีอายุกว่า 100 ปี รวมถึงอนุสาวรีย์บาทหลวงกอมบูริเออ เจ้าอาวาสองค์แรกของอาสนวิหาร
หมายเหตุ: แต่งกายสุภาพ กางเกงหรือกระโปรงคลุมเข่า
เวลาเปิดปิด: 06.00-18.00 น.
โทรศัพท์: 042 751 090
2
ร้านข้าวเปียกโบราณฟรานซิสโก




ร้านข้าวเปียกโบราณฟรานซิสโก
ชุมชนบ้านท่าแร่ มีอาคารโบราณ สถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียลหลายหลัง แต่ถ้าเดินออกมาจากด้านหลังของอาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล จะพบกับร้านข้าวเปียกโบราณฟรานซิสโกเป็นหลังแรก โดยมีลักษณะเด่นอยู่ที่ลวดลายปูนปั้นที่นิยมระบุชื่อนักบุญที่เจ้าของบ้านนับถือ ซึ่งสำหรับบ้านหลังนี้ปรากฏชื่อนักบุญฟรานซิสโก-เซเวียร์ บาทหลวงผู้นำศาสนาคริสต์มาเผยแผ่ในเอเชีย อันเป็นที่มาของชื่อบ้าน ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเมืองซานฟรานซิสโกในแคลิฟอร์เนียแต่อย่างใด ปัจจุบันตึกแถวสองชั้นทรงยุโรปหลังนี้ เปิดเป็นร้านอาหารต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยชูเมนูอาหารเวียดนามเป็นจุดขาย
เวลาเปิดปิด : ทุกวัน 06:00-17:00 น.
เมนูห้ามพลาด : ข้าวเปียก สุกี้ น้ำมะเม่า ขนมปังและกาแฟเวียดนาม
3
คฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์







คฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์
คฤหาสน์อุมดมเหลังนี้ สร้างขึ้นตามรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลฝรั่งเศส ในปี 2476 โดยช่างชาวเวียดนาม ที่อพยพมาอยู่ในจังหวัดนครพนมและบ้านท่าแร่ เป็นอาคาร 2 ชั้น ชั้นล่างทำเป็นร้านค้า จำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ด ส่วนชั้นบนเป็นที่พักอาศัย มี 2 ห้องนอนอยู่ด้านซ้ายและด้านขวา มีแท่นพระที่สวยงามตั้งอยู่ตรงกลางห้องโถง สำหรับตั้งกางเขน พระรูปพระเยซู รูปพระแม่มารี และนักบุญต่าง ๆ ไว้ให้สมาชิกในครอบครัวได้เคารพบูชาและสวดภาวนา ปัจจุบันบริเวณชั้นล่างได้รับการปรับปรุงและพัฒนาให้เป็นคาเฟ่และร้านอาหารภายใต้ชื่อ UDD Udomdetwat Cafe & Bistro
เวลาเปิดปิด : จันทร์-ศุกร์ 09:00-18:00 น. / เสาร์-อาทิตย์ 08:30-18:30 น.
เมนูห้ามพลาด : Udomdet’s Vibes ลาเต้ส้ม Chapter 1 อเมริกาโนสับปะรดน้ำผึ้ง และลิ้นจี่ชีสพาย
4
คฤหาสน์โสรินทร์










คฤหาสน์โสรินทร์
คฤหาสน์โสรินทร์ สร้างขึ้นในปี 2475 โดยช่างชาวเวียดนามเช่นเดียวกับคฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์ เป็นอาคารหลังเดี่ยว 2 ชั้น ในรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศสในยุคอาณานิคม โดยช่างก่อสร้างได้ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นและประสบการณ์ในการก่อสร้างแบบก่ออิฐถือปูนจากวัสดุพื้นบ้าน ด้วยการนำปูนขาวผสมกับทรายและยางพืชพื้นเมือง คือยางบงและน้ำอ้อยแทนปูนซีเมนต์ โครงสร้างชั้นบนส่วนมากเป็นไม้ อุปกรณ์บางอย่างนำเข้าจากฝรั่งเศส ด้านลักษณะเด่นของอาคาร ประกอบด้วยลวดลายปูนปั้น ประตูบานเฟี้ยม และซุ้มวงโค้งที่ด้านหน้าและด้านข้าง ปัจจุบันอาคารหลังนี้ยังอยู่ในการดูแลของลูกหลานตระกูลโสรินทร์ แม้ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นที่พักอาศัย แต่ยังคงทิ้งร่องรอยของเรื่องราวของผู้คน ท้องถิ่น บอกเล่าผ่านงานสถาปัตยกรรมท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี
5
ตึกหิน







ตึกหิน
บ้านโบราณหลังนี้เป็นสมบัติของบุตรอดีตเจ้าเมืองสกลนคร นับถึงปัจจุบันมีอายุราว 100 ปี เดิมทีสร้างเป็นที่อยู่อาศัย ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางราชการสั่งปิดโบสถ์ท่าแร่ ไม่ให้ใช้ทำพิธีใด ๆ ชาวท่าแร่จึงต้องหาสถานที่เพื่อใช้ทำพิธีต่าง ๆ ทางศาสนา เช่น พิธีบูชามิสซา พิธีรับศีลสมรส และเนื่องจากบุตรหลานของเจ้าของบ้านหลังนี้เป็นบาทหลวงคาทอลิก จึงอนุญาตให้ใช้บ้านหลังนี้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้ นอกจากนี้ ยังเชื่อกันว่า โฮจิมินห์อดีตผู้นำเวียดนามยังเคยอยู่อาศัยที่นี่ด้วย ต่อมาบ้านถูกไฟไหม้ ชำรุดทรุดโทรม ไม่มีการบูรณะซ่อมแชม มีต้นไม้ขึ้นรกรุงรัง จนกลายเป็นบ้านร้างอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
6






จุดชมวิวตะวันรอนที่หนองหาร
ทะเลสาบหนองหารเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากบึงบอระเพ็ด ครอบคลุมพื้นที่ถึง 12 ตำบลของจังหวัดสกลนคร เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืด นกน้ำ และพื้นที่ชุ่มน้ำที่สำคัญของประเทศไทย ขณะเดียวกันก็ยังมีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยเป็นแหล่งประกอบอาชีพทางด้านการประมงของชาวสกลนครและจังหวัดใกล้เคียง ในขณะที่ทางด้านการท่องเที่ยว เป็นแหล่งชมนกน้ำและล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามไม่แพ้ใคร
7
บ้านแห่งดวงดาว










บ้านแห่งดวงดาว
ชุมชนชาวคริสต์บ้านท่าแร่จะมีการจัด ‘เทศกาลแห่ดาวคริสต์มาส’ เทศกาลแห่งศรัทธาขึ้นในช่วงวันที่ 22-24 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเชื่อกันว่า ดาวเป็นสัญลักษณ์ของการเสด็จลงมาประสูติของพระเยซูบนโลกมนุษย์ จัดขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2525 โดยมีไฮไลต์อยู่ที่ขบวนแห่ดาวทั้งทางบกและทางน้ำสุดตระการตา ส่วนใครที่ไปเที่ยวท่าแร่ในช่วงเวลาอื่นที่ไม่ตรงกับช่วงเทศกาลแห่ดาว ก็สามารถไปเยี่ยมชมสาธิตการทำดาวและเลือกซื้อดาวจากคุณลำพร เจ้าของบ้านแห่งดวงดาวบนถนนคนทำดาว (ถนนเฟื่องฟู) ที่ผลิตดาวประดับส่งทั่วประเทศได้ โดยดาวของที่นี่มีตั้งแต่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 เซนติเมตร ไปจนถึง 150 เซนติเมตรเลยทีเดียว
โทรศัพท์ : 08 4401 8289
8
ร้านนำสมัย



ร้านนำสมัย
ภายในเรือนแถว 3 คูหาที่ทำจากไม้ทั้งหลัง อายุกว่า 70 ปี ชั้นล่างเปิดโล่ง ขณะที่ชั้นบนยังคงเป็นที่อยู่อาศัย เป็นที่ตั้งของร้านโชห่วยชื่อ ‘นำสมัย’ ของแม่ทัศนา วัย 74 ปี ที่เล่าให้ฟังว่า บ้านหลังนี้ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน หลากหลายธุรกิจ ทั้งร้านเย็บผ้า ร้านขายยา ร้านถ่ายรูป แต่ไม่ว่าจะเป็นกิจการไหน เจ้าของบ้านก็ยังคงยิ้มแย้มต้อนรับผู้มาเยือนอย่างเป็นกันเองเสมอ ขณะที่สินค้าภายในร้าน ทั้งอุปโภค บริโภค รวมถึงขนมขบเคี้ยวและไอศกรีมก็จัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ต่างอะไรกับร้านสะดวกซื้อและฉากในละครหรือภาพยนตร์ ใครได้แวะอุดหนุน นอกจากได้กระจายรายได้ให้กับคนในชุมชนแล้ว ยังได้รอยยิ้มจากแม่ทัศนาติดกระเป๋ากลับมาอีกด้วย
